วันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

นายกฯแถลงผลงาน4ปีประชาชนมีความสุข-ประเทศมั่นคง

On February 1, 2019

ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงผลการดำเนินงานปีที่ 4 ของรัฐบาล โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี และนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมรับฟัง โดยโอกาสนี้แต่ละกระทรวงได้นำเอกสารสรุปผลงานมาแจกจ่ายประกอบการแถลงอีกด้วย

โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า ทุกคนทราบดีว่าในช่วงก่อนที่รัฐบาลและ คสช. เข้ามา บ้านเมืองเราเกิดอะไรขึ้นบ้าง มีวิกฤตการเมือง มีการทะเลาะเบาะแว้ง เศรษฐกิจหยุดชะงัก การทำงานหลายอย่างมีปัญหาไปหมด สิ่งเหล่านี้จึงเป็นเหตุผลและความจำเป็นที่ คสช. ตัดสินใจเข้ามาควบคุมสถานการณ์ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 โดยได้วางแนวทางการแก้ปัญหาประเทศไว้ 3 ระยะ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระยะที่ 3 ที่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญและกำลังเดินหน้าสู่การจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 24 มีนาคม 2562 สำหรับผลงานที่ผ่านมารัฐบาลได้แก้ปัญหาเร่งด่วน อาทิ การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งแม้ดัชนีชี้วัดจะถูกลดอันดับลง แต่ในประเด็นย่อยดีขึ้น ไม่ใช่จับแต่เรื่องไม่ดี แต่เรื่องดีๆไม่พูดกัน ซึ่งประเทศและแผ่นดินนี้เป็นของเรา หากไม่สนใจเรื่องดีๆ เอาแต่พูดจาให้ร้ายกันไปเรื่อยๆ ความเชื่อมั่นและความเชื่อถือต่อประเทศของเราก็ไม่เกิด สิ่งเหล่านี้ต้องมาประเมินแก้ไขจากก่อนหน้านี้ไม่มีตัวชี้วัดอะไรเลย รวมถึงปัญหาอีกหลายอย่างที่กำลังดำเนินการ จึงต้องขอร้องให้ใจเย็นๆ ขณะเดียวกันในเรื่องดัชนีชี้วัดการทุจริตคอร์รัปชันมีบางคนบอกทำได้ดีกว่านี้ ที่ทำได้แค่นี้เพราะตนเองอยู่ ก็ขอให้ดูว่าวันหน้านักการเมืองเข้ามาเป็นอย่างไรไม่รู้ อาจทำดีกว่าหรือแย่กว่าขอให้รอดู

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า สถานการณ์โดยรวมของประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมาถือว่าดีขึ้น เศรษฐกิจขยายตัว ดัชนีชี้วัดและการจัดอันดับต่างๆดีขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งตัวเลขมีความสำคัญ ขออย่าไปบิดเบือน ทั้งนี้ ก่อนจะมีการเลือกตั้งเราได้มียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างชัดเจน อย่าบอกว่าไม่มีส่วนร่วม เพราะได้มีการสอบถามความเห็นของประชาชนไปแล้ว สำหรับยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง เราต้องสร้างประเทศชาติให้มั่นคง ประชาชนมีความสุข ปลอดภัย และมีความสงบเรียบร้อย ได้เน้นย้ำการสร้างความเรียบร้อยในทุกระดับ และการรักษาอธิปไตยตามแนวชายแดนที่ทุกอย่างเข้ามาหมด หากไม่มีกำลังไปปิดก็จะเละกว่านี้ จึงต้องรักษาความสงบ ส่วนความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ได้มีการควบคุมสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง โดยทำให้การดำเนินชีวิตของประชาชนกลับมาเป็นปรกติ รวมถึงการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือน (ICAO) ปลดใบเหลืองการแก้ปัญหาประมงผิดกฎหมาย (ไอยูยู) ทุกอย่างต้องแก้ปัญหาทั้งระบบ ซึ่งอาจมีปัญหาอยู่บ้างที่ต้องแก้ไขต่อไปด้วยหลักการและเหตุผล ขณะที่การปฏิรูปตำรวจมีการร่างกฎหมายหลายฉบับ รวมถึงการแก้ปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ และยกระดับการบริการ โดยในส่วนของร่าง พ.ร.บ.สอบสวนอยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็น ต้องเข้าใจว่าทุกอย่างต้องใช้เวลา เพราะต้องแก้กฎหมายทุกตัว ไม่มีอะไรพูดครั้งเดียวแล้วจบ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ในส่วนของการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้มีกระบวนการพูดคุยสันติสุขที่ต้องทำให้สังคมโลกเห็นว่าเราทำตามมาตรฐานสากล ไม่ได้เป็นการเจรจา เพราะเราไม่ได้ไปรบกับใคร เมื่อการแก้ปัญหาดีขึ้น สถิติการก่อเหตุลดลง ก็มีความพยายามสร้างความหวาดกลัวเพื่อไม่ให้ร่วมมือกับรัฐ ดังนั้น อย่าช่วยขยายความรุนแรง เพื่อไม่ให้ลุกลามบานปลาย เพราะจะเปิดช่องให้ต่างประเทศเข้ามา จึงต้องใช้การพัฒนานำการทหาร ด้านการต่างประเทศช่วง 4 ปีที่ผ่านมาตนได้สร้างความภาคภูมิใจและสร้างการการยอมรับมากขึ้นที่เกิดจากการยอมรับในการแก้ปัญหาของไทย แต่ไม่ใช่หยุดและเลิกเลย เพราะมีคนจ้องโจมตีอยู่ทั้งคนที่บริสุทธิ์และไม่บริสุทธิ์ ทำให้ทำงานได้ช้าและขัดแย้ง ซึ่งการเยือนต่างประเทศก็ได้ไปครบทุกภูมิภาค ไปถึง 64 ครั้ง รวมถึงประเทศที่เป็นประชาธิปไตยก็ตอบรับอย่างดี ซึ่งย้ำว่าไม่ได้ไปซื้อของหรือไปเที่ยว ขอให้เข้าใจไว้ด้วย อีกทั้งประเทศไทยยังได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานการประชุมอาเซียนในปี 62 นี้ ต้องทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย อย่าให้เกิดแบบเดิมอีกเลย ทุกคนรู้อยู่แล้วอะไรดีไม่ดี ขณะที่การท่องเที่ยวย้ำว่าคนเข้ามามากขึ้น ดังนั้น อย่าขัดแย้งและอย่าทำร้ายประเทศขยายเรื่องไม่ดีออกไป

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ด้านสาธารณสุข ขยายสิทธิการรักษา อย่างการเข้าถึงราคายา 11 รายการ รักษาฟรีโรงพยาบาลรัฐและเอกชน ส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน สนับสนุน อสม. เพิ่มค่าป่วยการ 1,000 บาท ศูนย์ดำรงธรรม 3,292 บ้าน เรื่องยุติ 3,233 ล้านเรื่อง เราดูแลจากการฟังประชาชนโดยตรงที่ค้างมาตั้งนาน ยุทธศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อมโดยหยุดการบุกรุกป่า เรื่องป่าเรื่องที่ดินตนยอมไม่ได้ถ้าไปช่วยใคร ป่าชุมชนต้องช่วยกันดู อย่างไรก็ตาม ในการปฏิรูปงบประมาณจะเอาเงินมากกว่านี้จากที่ไหน ไม่ใช่ทุกกระทรวงขอมากที่สุด แต่ต้องตอบตามแผนยุทธศาสตร์ชาติได้ เสนองบมาแล้วลงไปดูใช่หรือไม่ ตนไปติดตามสิ่งที่ได้อนุมัติลงไป ไม่ได้ไปหาเสียง แต่ไปเก็บข้อมูลเพื่อมาแก้ปัญหา และเยี่ยมประชาชนของตน หากไปให้คนพอใจคงพูดเพราะๆ ถ่ายรูป แล้วกลับบ้านเลย อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะให้ทุกหน่วยงานชี้แจงการดำเนินงาน ทำอะไรไปแล้วต้องพูด ไม่เช่นนั้นจะมีการเสนอข่าวเลอะเทอะไปหมด เช่น เรื่องฝุ่น pm2.5 ที่หาว่ารัฐบาลไม่ทำอะไรเลย มัวแต่พ่นน้ำและรดน้ำอย่างเดียว

นายกรัฐมนตรีกล่าวในช่วงท้ายด้วยว่า ต้องร่วมมือทำประเทศไปข้างหน้าพร้อมร่วมหลอมใจเป็นหนึ่งเดียวเพื่อจัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษกด้วยความสงบเรียบร้อย


You must be logged in to post a comment Login