วันพฤหัสที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

“จาตุรนต์”เปิดนโยบายด้านสังคม”ไทยรักษาชาติ”สร้างสังคมเป็นสุข

On January 28, 2019

นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคไทยรักษาชาติ โพสต์นโยบายด้านสังคมของพรรคไทยรักษาชาติผ่านทางเฟซบุ๊ค โดยระบุว่า

ผมเสนอนโยบายไปแล้ว 2 ส่วน ซึ่งเป็นนโยบายด้านเศรษฐกิจ ต่อไปนี้เป็นส่วนที่ 3 นโยบายด้านสังคม ความจริงนโยบายด้านสังคมและด้านอื่นๆมีการศึกษาไว้อีกมาก มากพอสำหรับแก้ปัญหาประเทศนี้แน่ๆ แต่เลือกมาเฉพาะที่เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญมากๆ และเป็นที่สนใจหรือเป็นปัญหาที่ประชาชนต้องการให้แก้

ความไม่ลงตัวทางความคิดนโยบายเกี่ยวกับโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้าทำให้ระบบสาธารณสุขบริการประชาชนได้ไม่เต็มที่ ต้องการการปรับปรุงครั้งใหญ่

การศึกษาของไทยล้าหลังจนตามใครไม่ทัน และยังมีผู้ถูกทอดทิ้งอีกมาก

ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมสูงวัยในเร็วๆนี้ โดยขาดการเตรียมตัวและคนจำนวนมากยังยากจน

ปัญหายาเสพติดกำลังบั่นทอนทั้งสังคมและเป็นความวิตกกังวลของพ่อแม่ทุกคน

ประชาชนทุกคนทำงานและเสียภาษี แต่ไม่สามารถป้องกันการคอร์รัปชันที่หนักหนาขึ้นทุกที

4-5 ปีมานี้ ระบบราชการได้ถูกความเป็นอำนาจนิยมทำให้สังคมไทยกลายเป็นรัฐราชการไปแล้ว ทั้งๆที่ยุคสมัยนี้ต้องการระบบราชการที่คล่องตัวและมีประสิทธิภาพในการบริการประชาชน

เมืองใหญ่ๆกำลังประสบปัญหามลภาวะรุนแรงที่ต้องการมาตรการที่ดีมีประสิทธิภาพ แต่จะแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่ อยู่ที่รัฐบาลจะ “เอาจริง” หรือไม่

ต่อไปนี้เป็นนโยบายด้านสังคม 7 ข้อครับ

“7 มาตรการ สร้างสังคมเป็นสุข”

1.ยกระดับการให้บริการและการบริหารจัดการด้านสาธารณสุข 30 Plus
1.1 พัฒนาระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้บริการที่สะดวก รวดเร็ว ทั่วถึง และเท่าเทียม มีระบบบริการฉุกเฉินทันท่วงที โดยใช้วิธีคิดและการบริหารจัดการและเทคโนโลยีที่ทันสมัย
1.2 ส่งเสริมให้ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชน มีส่วนร่วมกับภาครัฐในการส่งเสริมสุขภาพ โดยใช้หลักการ “สร้างนำซ่อม”
1.3 เพิ่มการผลิตบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขให้มากขึ้น และมีการกระจายที่ดี ดูแลสวัสดิภาพและคุ้มครองบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขอย่างเหมาะสม

2.พลิกโฉมการศึกษาไทยสู่ศตวรรษที่ 21
2.1 สร้างเด็กด้วยการสร้างหลักสูตรและสร้างครูด้วยหลัก 7Cs
2.2 ลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาด้วยโครงการ Baby start box, Smart family app, Smart kid center, 1 learning park, Thinking classroom, 1 ศูนย์ 1 พัฒนาเด็ก LD
2.3 ยกระดับโครงการกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (ICL) ระดับอุดมศึกษา เพื่อสนับสนุนการ
เตรียมทรัพยากรมนุษย์สู่อาชีพใหม่ และพัฒนาทักษะอาชีพของคนยุคใหม่ด้วยอาชีวศึกษาระดับสากล

3.สังคมสูงวัย
3.1 โครงการ Retraining aging workforce เพื่อสร้างความมั่นคงทางรายได้เพื่อการชราภาพ และ อาชีพที่สอดคล้องกับเศรษฐกิจใหม่สำหรับผู้สูงอายุ
3.2 ส่งเสริมการออมของผู้สูงอายุในอนาคต
3.3 พัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมธุรกิจที่ตอบรับสังคมสูงวัย

4.แก้ปัญหายาเสพติด : ฟื้นนโยบายผู้เสพเป็นผู้ป่วย ดำเนินคดีกับผู้ค้าตามกฏหมายอย่างเข้มงวด และให้ประชาชนมีส่วนสอดส่องปัญหาในชุมชนและมีช่องทางรายงานผ่าน application

5.แก้ปัญหาคอร์รัปชัน : ต้องปรับปรุง ป.ป.ช. แก้กฏหมาย ป.ป.ช. ให้กรรมการชุดนี้พ้นจากหน้าที่ และมีการสรรหาใหม่, หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และผู้บริหารระดับสูงทั้งหมด ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและเปิดเผยต่อประชาชน, ปรับปรุงกฏระเบียบจัดซื้อจัดจ้าง และให้มีการเผยแพร่ข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างผ่านเว็บไชต์, เพิ่มบทบาทให้ประชาชนตรวจสอบ

6.ปรับเปลี่ยนรัฐราชการเป็นระบบราชการที่ต้องบริการประชาชน ปรับปรุงการบริหารจัดการ และใช้เทคโนโลยีมาทำให้การบริการรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ

7.กำหนดให้การจัดการสิ่งแวดล้อมเป็นวาระแห่งชาติ พัฒนากลไกขีดความสามารถในการควบคุมมลพิษ โดยเฉพาะการลดมลพิษทางอากาศในเมืองใหญ่ มีระบบจัดการขยะที่ทันสมัย นำการบริหารจัดการและเทคโนโลยีมาบูรณาการกับหน่วยงานทุกระดับ บังคับใช้กฏหมายผังเมือง และหลัก PPP (Polluter Pays Principle) อย่างเคร่งครัด

ทั้งหมดนี้เป็นนโยบายสำคัญๆที่จะเสนอในการเลือกตั้งที่จะมาถึง แต่นโยบายเหล่านี้จะได้ใช้หรือถูกนำไปปฏิบัติหรือไม่ก็ขึ้นกับว่าฝ่ายประชาธิปไตยจะได้จัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ และบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ เมื่อเงื่อนไขสำคัญเป็นอย่างนี้จึงนำไปสู่นโยบายที่สำคัญและขาดไม่ได้ ซึ่งผมจะนำเสนอต่อไปครับ


You must be logged in to post a comment Login