วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

ปลดโค้ชราเยวัช หลังช้างศึกพ่ายอินเดียสุดยับในรอบ 33 ปี

On January 7, 2019

พล.ต.อ. ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์  ส่งสารถึง แฟนบอลไทย หลังพ่าย อินเดีย 1-4  ว่า…แฟนฟุตบอลไทยที่รักทุกคน
ในค่ำคืนที่ยากลำบากนี้ เหนือสิ่งอื่นใด ผมขอขอบคุณในทุกๆ แรงเชียร์ของพี่น้องแฟนฟุตบอลชาวไทยทุกท่าน ที่ได้ร่วมส่งกำลังใจเชียร์ทัพช้างศึก นักเตะทีมชาติไทยของเรา ลงสนามในรายการฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียที่พวกเราเฝ้ารอมานานอย่างเอเอฟซี เอเชียนคัพ 2019 โดยในรายการนี้ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการเตรียมความพร้อมทุกๆ ด้าน เพื่อให้ทีมชาติไทยมีศักยภาพสูงสุดก่อนการแข่งขัน ซึ่งสมาคมฯ มีเป้าหมายอย่างชัดเจน ที่ต้องการให้ทีมชาติไทยสร้างผลงานได้ดีกว่าที่เคย

สำหรับผลการแข่งขันของทีมชาติไทยในรายการเอเอฟซี เอเชียนคัพ 2019 รอบสุดท้าย กลุ่ม A นัดแรก ที่พ่ายให้กับทีมชาติอินเดีย 1-4 แม้ว่านักฟุตบอลทีมชาติไทย พร้อมด้วยทีมงานสต๊าฟโค้ชทุกคนจะทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่แล้ว แต่กับผลการแข่งขันที่เกิดขึ้น ผมมีความมั่นใจว่านี่ไม่ใช่รูปแบบการของทีมชาติไทยที่สมาคมฯ เเละทุกคนที่สนับสนุนทีมชาติไทยต้องการ

นอกจากภาระหน้าที่และการสนับสนุนอย่างเต็มกำลังของสมาคมฯ ในอีกมุมหนึ่ง ผมคือแฟนบอลไทยคนหนึ่ง ที่รู้สึกผิดหวังกับผลการแข่งขันของทีมชาติไทยในเกมนี้เช่นเดียวกับแฟนฟุตบอลไทยทั้งประเทศ และในฐานะนายกสมาคมฯ ผมจึงไม่อาจนิ่งเฉยกับปัญหานี้ได้

ในการนี้ ผมจึงขอประกาศ ยุติสัญญาการทำหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยของมิโลวาน ราเยวัช พร้อมทีมงานสต๊าฟโค้ชของมิโลวาน ราเยวัช บางส่วน และขอประกาศแต่งตั้งให้ นาย ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย ปฏิบัติหน้าที่รักษาการหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย โดยมีโชคทวี พรหมรัตน์ เป็นผู้ช่วยผู้ฝึกสอน ลงทำการแข่งขันฟุตบอลในรายการเอเอฟซี เอเชียนคัพ 2019 ในแมตช์ต่อไป โดยให้มีผลทันที

สุดท้ายนี้ ผมขอขอบคุณสำหรับความพยายามและการทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจของมิโลวาน ราเยวัช พร้อมทีมงาน ที่ได้ทำหน้าที่กำกับดูแลและฝึกสอนทีมชาติไทยชุดใหญ่มาโดยตลอด ซึ่งผมขออวยพรให้มิโลวาน ราเยวัช พร้อมทีมงาน ประสบกับความสำเร็จในเส้นทางอาชีพนี้ต่อไปในอนาคต

จึงเรียนมาเพื่อทราบ

สรุป  มิโลวาน ราเยวัช ถูกสั่งเด้งพ้นจากตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอน “ช้างศึก”ทีมชาติไทย เรียบร้อย เมื่อวันที่ 7 มกราคม ตามเวลาประเทศไทย หลังทำผลงานได้ไม่น่าประทับใจ ราเยวัชได้ทำหน้าที่คุมทีมชาติไทยราว 1 ปี 6 เดือน นำทัพลงสนามไปทั้งหมด 19 แมตช์รวมทุกรายการ เป็นชัยชนะ 8 นัด เสมอ 4 นัด แพ้ 7 นัด ยิงได้ 33 ประตู เสียไป 26 ประตูราเยวัชเริ่มคุมทีมนัดแรกในเกมกระชับมิตรพบอุซเบกิสถาน เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2560 โดยเป็นฝ่ายแพ้ 0-2 จากนั้นคุมทีมเตะเกมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 3 นัด เสมอยูเออี 1-1, แพ้อิรัก 1-2 และแพ้ออสเตรเลีย 1-2 จากนั้นราเยวัชจึงพบชัยชนะนัดแรกในการคุมทีมชาติไทย โดยอุ่นเครื่องชนะเมียนมา 3-1 เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2560 แล้วเก็บชัยต่อเนื่องในการอุ่นแข้งกับเคนยา ชนะไป 1-0 เข้าสู่เดือนมีนาคม 2561 ไทยคว้ารองแชมป์ศึกชิงถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพ โดยรอบรองชนะเลิศชนะกาบอง 4-2 แต่นัดชิงชนะเลิศพลาดท่าแพ้สโลวะเกีย 2-1หลังจากนั้นไทยมีโปรแกรมอุ่นแข้งอีก 3 นัด แพ้จีน 0-2, ชนะฮ่องกง 1-0 และชนะตรินิแดดฯ 1-0 ก่อนเข้าศึกสำคัญอีกรายการอย่างเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ซึ่งทัพ “ช้างศึก” เป็นแชมป์เก่าอยู่ไทยจบรอบแบ่งกลุ่มศึกชิงแชมป์อาเซียนโดยไม่แพ้ใคร ชนะติมอร์-เลสเต 7-0, ชนะอินโดนีเซีย 4-2, เสมอฟิลิปปินส์ 1-1, ชนะสิงคโปร์ 3-0 แต่ความฝันป้องกันแชมป์พังทลายลงในรอบรองชนะเลิศเมื่อทำได้แค่เสมอมาเลเซียผลรวม 2 นัด 2-2 ต้องตกรอบด้วยกฎประตูทีมเยือน สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯยังให้โอกาสราเยวัชถึงศึกเอเชียน คัพ แต่ทัพ “ช้างศึก” กลับประเดิมสนามได้อย่างเจ็บปวดหลังพ่ายอินเดีย 1-4 เป็นการแพ้คู่แข่งรายนี้หนแรกในรอบเกือบ 33 ปี 


You must be logged in to post a comment Login