วันพฤหัสที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

“มาร์ค”เชื่อคนไทยอยากมีพระราชพิธีสมพระเกียรติไร้บรรยากาศการเมือง

On January 4, 2019

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงห้วงเวลาที่เหมาะสมหากจะมีการเลื่อนกำหนดวันเลือกตั้ง หลังจากการหารือระหว่างนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีข้อสรุปว่าจะเกิดขึ้นก่อนงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกว่า ทุกคนต้องการมีพระราชพิธีที่สมพระเกียรติและมีบรรยากาศที่ดี อีกทั้งบรรยากาศในช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคมนี้ต้องจบเรื่องการเลือกตั้งไปแล้วเพื่อไม่ให้มีประเด็นเรื่องการหาเสียงเลือกตั้ง ส่วนการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อใดนั้น ต้องรอให้ประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งออกมาก่อน และเมื่อบังคับใช้แล้วจะต้องกำหนดวันเลือกตั้งภายใน 60 วัน ซึ่งตนไม่สามารถตอบได้ว่าสิ่งที่นายวิษณุพูดว่าอยากให้เป็นวันนั้นวันนี้เป็นความเห็นของรัฐบาลหรือของนายวิษณุเอง แต่ต้องเป็นไปตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ยังเป็นขั้นตอนที่อยู่ในระหว่างทรงมีพระบรมราชวินิจฉัย ทุกคนจึงควรรอพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวออกมาก่อน จากนั้น กกต. ต้องพิจารณาว่าจะกำหนดวันเลือกตั้งอย่างไร

ส่วนที่มีการคาดคะเนว่าวันเลือกตั้งอาจจะเป็นวันที่ 10 หรือ 24 มีนาคมนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ความคิดเห็นของนายวิษณุเป็นความกังวลกระบวนการหลังการเลือกตั้ง ไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง แต่กระบวนการหลังการเลือกตั้งเป็นสิ่งที่ กกต. ต้องพิจารณา สมมุติว่าถ้าการเลือกตั้งยังมีขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ คาดว่าจะสามารถรับรอง ส.ส. ได้ภายในกี่วัน เมื่อรับรองเสร็จสิ้นต้องเรียกประชุมรัฐสภาภายใน 15 วัน จากนั้นรัฐสภาจะประชุมลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี หรือจะตั้งรัฐบาลก็สามารถดูได้ว่าจะใช้เวลาภายในกี่วัน ซึ่งมีหลายทางเลือก และจังหวะเวลาที่เลือกต่างกันแค่ 15 วัน เพราะถ้าพระราชกฤษฎีกาลงมาวันไหนจะต้องกำหนดวันเลือกตั้งภายใน 60 วัน

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการจัดสรรตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ระบบเขตว่า ได้อนุมัติรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.เขตไปแล้ว 340 เขต ยังเหลือประมาณ 10 เขต ซึ่งคาดว่าจะเสร็จภายในวันที่ 6 มกราคมนี้ จากนั้นจะดูเรื่องผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อจำนวน 150 คน เพราะเดิมมีอยู่แล้ว 128 คน ส่วนการจัดโปรแกรมปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งนั้น ต้องรอดูจังหวะเวลาที่เหมาะสม รวมถึงรอระเบียบของ กกต. เรื่องการจัดทำป้ายและติดป้ายหาเสียง เพราะยังไม่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา แต่ค่าใช้จ่าย 35 ล้านบาทสำหรับการทำรณรงค์ทั่วประเทศมีข้อจำกัดมาก เพราะมีค่าใช้จ่ายในส่วนของโซเชียล และต้องนำงบประมาณส่วนนั้นมารวมกับการทำป้ายด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคกังวล เพราะเดิมที่มีการประชุมพรรคการเมืองตกลงกันอยู่ที่ 70 ล้านบาท


You must be logged in to post a comment Login