- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 3 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 3 months ago
- โลกธรรมPosted 3 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 3 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 3 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 3 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 3 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 3 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 3 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 3 months ago
“AGE”เตรียมผงาดปี62ปั้นรายได้แตะ9พันล้าน

นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชียกรีน เอนเนอจี จำกัด(มหาชน) หรือ AGEผู้ประกอบธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายถ่านหินบิทูมินัส (ถ่านหินสะอาด) เปิดเผยว่า บริษัทฯตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ในปี 2562 ไว้ที่ระดับ 9,000 ล้านบาท โดยบริษัทฯได้มีการกำหนดแผนการดำเนินธุรกิจเชิงรุก เพื่อเป็นการขยายช่องทางการตลาด ให้มีความหลากหลาย และครอบคลุมทั้งในประเทศ และต่างประเทศส่งผลให้บริษัทฯตั้งเป้าสัดส่วนยอดขายในตลาดต่างประเทศไว้ที่ 25%และในประเทศที่ 65%โดยตั้งเป้าปริมาณการขายถ่านหินทั้งปีที่ระดับ 4 ล้านตันและตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ 10%
นอกจากนี้ บริษัทฯได้มีการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนไปยังในธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ขนส่งทางน้ำและทางบก รวมทั้งการให้บริการท่าเรือ และคลังสินค้ามากขึ้น โดยตั้งเป้ารายได้ปีนี้ที่ระดับ 900 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนรายได้ประมาณร้อยละ 10ของรายได้รวม จากกองเรือลำเลียงที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 24 ลำจากปีก่อนที่มีกองเรือ จำนวน 12 ลำ ซึ่งสามารถรองรับความต้องการใช้บริการขนส่งทางน้ำ ของกลุ่มผู้ประกอบการในหลายอุตสาหกรรม ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เอเชียกรีน เอนเนอจี (AGE) ยังได้กล่าวอีกว่าบริษัทฯได้มีแผนปรับปรุงพื้นที่เพื่อพัฒนาท่าเรือเพิ่มเติม เป็นท่าที่ 3 จากเดิมที่มีท่าเรือในการให้บริการอยู่แล้ว จำนวน 2 ท่า ในบริเวณคลังสินค้า อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2562 นี้ ถือเป็นการเพิ่มความสามารถในการขนถ่ายสินค้าหน้าท่าให้เพิ่มขึ้น
“ในปี 2562 นอกจากธุรกิจถ่านหินแล้ว ยังเป็นปีที่บริษัทฯมีแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้ จากธุรกิจด้านโลจิสติกส์ เพื่อเป็นการต่อยอดรายได้ และลดการพึ่งพิงธุรกิจหลัก อย่างถ่านหินเพียงอย่างเดียวโดยการต่อยอดธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ขนส่งทางน้ำและทางบก รวมทั้งการให้บริการท่าเรือ และคลังสินค้า ที่จะมีทั้งจำนวนกองเรือ ที่เพิ่มเข้ามาอีก 12 ลำที่จะส่งมอบในช่วงไตรมาส 1/2562 ทำให้บริษัทฯมีเรือลำเลียงทั้งหมดเป็น 24 ลำ และมีท่าเรือเพิ่มอีก 1 ท่า ถือเป็นการ เพิ่มศักยภาพทางธุรกิจมากยิ่งขึ้น และคาดว่าสัดส่วนรายได้จากการให้บริการท่าเรือคลังถ่านหิน และโลจิสติกส์ขยับเป็น 10% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 5%ขณะที่รายได้หลักจากธุรกิจถ่านหินในประเทศจะอยู่ที่ 65% และรายได้จากการขายถ่านหินในต่างประเทศในอยู่ที่ 25%” นายพนม กล่าว
สำหรับภาพ ภาพรวมอุตสาหกรรมการใช้ถ่านหินในประเทศ มองว่า ความต้องการใช้ถ่านหิน ยังคง ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากความต้องการใช้ของกลุ่มอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศ อาทิ อุตสาหกรรมการผลิตปูนซีเมนต์ อุตสาหกรรมผลิตกระดาษ รวมถึงกลุ่มโรงไฟฟ้า เป็นต้น โดยจะเห็นได้จาก ในช่วง 10 เดือนแรกปี 2561 ประเทศไทย มีการนำเข้าถ่านหินประมาณ 21.3 ล้านตัน เพิ่มขึ้นประมาณ 14% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ในขณะที่ความต้องการใช้ถ่านหินประเทศเวียดนาม เพิ่มสูงขึ้นตาม การเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ ที่โตเฉลี่ยปีละ 7% ส่งผลให้อุตสาหกรรมต่างๆ มีการเพิ่มกำลังการผลิต และใช้ถ่านหิน เป็นเชื้อเพลิงเพื่อการผลิตเป็นจำนวนมาก ซึ่งสอดคล้องไปกับ แผนการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหิน จาก 37% ในปี 2559 เป็น 53% ในปี 2573 และทำให้คาดการณ์ว่า ในปี 2573 ประเทศเวียดนามจะมีการ นำเข้าถ่านหินสูงถึง 100 ล้านตันต่อปี
You must be logged in to post a comment Login