วันพฤหัสที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2567

‘ไทยศรีวิไลย์’ ประกาศนโยบาย 10 ด้าน

On December 29, 2018

ครอบคลุมทุกด้าน – ‘มงคลกิตติ์’ ลั่นยกเลิกคำสั่ง คสช. ที่เป็นอุปสรรคต่อการปราบโกง พร้อมกำจัดระบบแป๊ะเจี๊ยะที่เป็นผลเสียต่อระบบการศึกษาไทย

 

ที่พรรคไทยศรีวิไลย์ คณะกรรมการบริหารพรรคฯ นำโดย นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ นายณัชพล สุพัฒนะ หรือ มาร์ค พิทบูล – พล.ท.อัศวิน รัชฏานนท์ รองหัวหน้าพรรค ,นางสาวภคอร จันทรคณา โฆษกพรรค ,นายสรกฤช จันทรคณา รองโฆษกพรรค ,นายวิวัฒน์ เจริญพาณิชย์ศิริ เลขาธิการพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมคณะกรรมการบริหารพรรค ได้มีการจัดการประชุมใหญ่สามัญครั้งที่ 2 เพื่อแถลงนโยบาย 10 ด้าน ต่อว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในนามพรรคไทยศรีวิไลย์ โดยมีสมาชิกพรรคฯ เข้าร่วมอย่างคับคั่ง

โดยในที่ประชุม ทางคณะกรรมการบริหารพรรคฯ ได้กล่าวกับสมาชิกพรรคที่เข้าร่วมประชุมเพื่อมอบนโยบายของพรรคและทำความเข้าใจในเรื่องข้อกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง และแนวทางปฏิบัติในการหาเสียงให้มีการปฏิบัติอย่างถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด

 

โดย นายมงคลกิตติ์ กล่าวถึงนโยบาย 10 ด้าน ของพรรคไทยศรีวิไลย์ ว่า

1) นโยบายด้านปราบปรามทุจริต ตนเห็นว่า คำสั่งใดของ คสช.ที่ยกเลิกการชี้แจงบัญชีทรัพย์สินข้าราชการ เราจะยกเลิกทั้งหมดเมื่อเราได้อำนาจ ข้าราชการระดับสูงทุกคนจะต้องยื่นชี้แจงบัญชีทรัพย์สินทั้งหมด แล้วพรรคไทยศรีวิไลย์ก็จะเร่งรัดการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของนักการเมืองและข้าราชการ ที่ถูกร้องเรียนว่าร่ำรวยผิดปกติให้เร่งรัดรวดเร็วเด็ดขาด ส่วนเรื่องการสอบบรรจุแต่งตั้งข้าราชการ ปัจจุบันมีการทุจริตเกือบทุกหน่วยงาน มี 2 รูป แบบ คือ โกงข้อสอบ และการใช้สิทธิพิเศษของการเป็นปลัดกระทรวง อธิบดี และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่แต่งตั้งลูกหลานของตัวเองเข้าไปด้วยคะแนนพิเศษ เราจะยกเลิกระบบนี้ทั้งหมด ซึ่งต่อไปประชาชนลูกหลานคนยากคนจนทุกคนมีสิทธิ์สอบบรรจุเข้ารับราชการด้วยคะแนนความสามารถของตัวเอง

 

2) นโยบายแนวทางการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร ปัจจุบันสินค้าราคาเกษตรตกต่ำ ไม่ว่าจะเป็น ปาล์ม อ้อย ลำใย ข้าว ยาพารา มะพร้าว ทำให้เกษตรกรเดือดร้อนมาก ซึ่งนโยบายของพรรคในการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร ทางพรรคจะไม่ใช้เงินในอนาคต หรือ ใช้เงินแผ่นดินมาแก้ปัญหา แต่จะใช้วิธีในการออกกฎหมาย กำหนดราคาสินค้าขายภายในประเทศ หมายความว่า เราจะดูก่อนว่าต้นทุนของพี่น้องเกษตรกรเท่าไหร่ หลังจากนั้นเราจะเปรียบเทียบ เช่น ถ้าข้าวต้นทุน 7,000 บาท เราจะเพิ่มให้อีกเขา 20% ให้เขามีกำไรแต่เราจะไม่ใช้เงินรัฐซื้อ เราจะออกกฎหมายให้พ่อค้าคนกลางรับซื้อ ซึ่งหากพ่อค้าคนกลางไม่รับซื้อ หรือรับซื้อต่ำกว่าราคาที่เรากำหนดก็ติดคุก ส่วนเรื่องปุ๋ย ทางพรรคฯ จะผลักดันให้มีปุ๋ยที่ผลิตขึ้นมาเองไม่มีสารพิษ ส่วนปุ๋ยที่มีสารเคมีเราจะเอาออกให้หมดเพื่อไม่ให้พี่น้องประชาชนป่วยเป็นมะเร็ง นอกจากนั้นจะมีการจัดการบริหารหนี้ให้แก่เกษตรกรทั้งหมด แต่ไม่ใช่การยกเลิกหนี้ เราจะใช้วิธีจัดการเรื่องดอกเบี้ย เบี้ยปรับ เรื่อง การผ่อนปรนในระยะเวลาที่กำหนด กำหนดอัตราในการให้สินเชื่อเกษตรกรใหม่ทั้งหมด เพื่อให้เกษตรกรเดินได้ และดอกเบี้ยต้องเป็นธรรม

3) นโยบายเรื่องพลังงานที่ประเทศไทยขายแพงกว่ามาเลเซียนั้น ทั้งนี้ ในเมื่อพลังงานมันอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แล้ว

เราจะออกพันธบัตรให้กับพี่น้องประชาชนซื้อหุ้นคืนอีกประมาณ 33 % เมื่อเราซื้อคืนนั่นหมายความว่ากำไร 33% เราไม่ต้องแบ่งใคร เข้ารัฐเต็มๆ เราก็นำกำไรภาษีดังกล่าวมาเป็นส่วนลดในการไม่เก็บภาษีสรรพสามิต กองทุนน้ำมัน ภาษีอื่นๆ พี่น้องประชาชนไม่ต้องใช้น้ำมันที่แพงกว่ามาเลเซียซึ่งจะทำได้ในราคา 19 บาท/ลิตร ต้นทุนการขนส่ง ค่าครองชีพประชาชนต่ำ เงินก็เหลือมากขึ้น เขาเรียกว่า ลดรายจ่ายประชาชน ส่วนการแปรรูป ปตท. ปี 2544 ที่ประเมินราคาต่ำกว่าความเป็นจริง เราจะดำเนินคดีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด

 

4 ) นโยบายด้านการสาธารณสุข เราจะกำหนดงบประมาณรายหัวเพิ่มเติมให้กับพี่น้องประชาชนด้านการรักษาพยาบาล ส่งเสริมให้มีการใช้สมุนไพรรักษาโรคไม่ว่าจะเป็นมะเร็งเบาหวานความดัน หัวใจ ลูคีเมีย หรือ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง เนื่องจาก ปัจจุบันยาที่นำเข้าจากต่างประเทศไม่สามารถรักษาน้องประชาชนชาวไทยได้เลย

5 ) นโยบายคืนความเป็นธรรมให้ธุรกิจชุมชนหรือ SME หรือเรียกว่าโชว์ห่วย เราจะออกกฎหมายห้ามทุนใหญ่ทำการแข่งขันกับธุรกิจชุมชน อาทิ เซเว่นอีเลฟเว่น มินิมาร์ท หรือมินิสโตร์ เปิดได้ไม่เกิน 30 เปอร์เซ็นต์ นั่นหมายความว่าทุนใหญ่เป็นเจ้าของได้ 30 % อีก 70 % เราจะคืนให้กับพี่น้องประชาชน ต้องขายให้กับพี่น้องประชาชนร่วมเป็นเจ้าของ

 

6 ) นโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ เราจะไม่มีแนวทางแปรรูปรัฐวิสาหกิจให้กับเอกชน โดยมุ่งเน้นให้หน้าที่ คานอำนาจราคาให้กับเอกชน เพื่อไม่ให้เอกชนผูกขาดหรือสมยอมเอกชน อีกทั้ง การจัดซื้อจัดจ้างทุกอย่างต้องรัดกุม ประหยัด ต้องใช้งานได้นาน คุ้มค่า ใช้งานได้ประสิทธิภาพ

 

7) นโยบาย ด้านการรักษาความมั่นคงภายในประเทศและการทหาร หากทางพรรคฯ ได้เป็นรัฐบาลเราจะกำจัดและปราบปรามขบวนการทำลายสถาบัน ทั้งในประเทศและนอกประเทศ แบบถึงลูกถึงคน จัดการแบบรวดเร็วและดุดัน ตามจับนักโทษหนีคดี ที่หนีไปต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นคดีทุจริต คดีหมิ่นสถาบัน ประสานนำตัวเข้ามาดำเนินคดีที่ไทย ประหารนักโทษที่หนีคดีทุจริตที่มีความเสียหายแก่ประเทศ และประหารผู้ที่ก่อคดีอุจฉกรรจ์ ที่เป็นภัยต่อสังคมโดยรวมด้วย
,ทำนุบำรุงขวัญทหารดูแลทหารอาวุธยุทโธปกรณ์ให้พร้อมรบตลอดเวลา เนื่องจาก การทำมาค้าขายระหว่างประเทศ ถ้าไม่มีกำลังทหารพร้อมรบเขาจะไม่จ่ายเงินเขาเรียกว่าคานอำนาจทางเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้นกำลังทหารมีส่วนสำคัญ ถ้ากองทัพเข้มแข็งธุรกิจเราก็จะเข้มแข็งประชาชนก็จะปลอดภัย เราต้องพัฒนากองทัพไทยให้ก้าวสู่กองทัพโลกติด 1 ใน 10 ภายใน 5 ปี เพื่อปกป้องเสถียรภาพ ผลประโยชน์ของคนในชาติเป็นสำคัญ
8)นโยบาย ด้านปรับปรุงระบบยุติธรรมให้เท่าเทียบและแก้กฏหมายที่ล้าสมัยเอาเปรียบประชาชน แก้ไข พรบ.รื้อฟื้นคดีอาญาใหม่ พ.ศ.2526 เปิดช่องให้มีการใช้หลักฐานเก่าแต่พิสูจน์ครั้งใหม่ด้วยเทคโนโลยี อำนวยความยุติธรรมในคดีที่ผ่านมา แก้ไข พรบ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ในส่วนที่เกี่ยวกับระเบียบแบ่งรายได้ส่วนแบ่งค่าปรับจราจร 47.5% ให้ยกเลิก รวมทั้งแก้ระเบียบค่าปรับให้น้อยลงเหมาะสมกับค่าครองชีพของประชาชน ปรับปรุงอัตราความเร็วรถยนต์ อื่นๆให้เหมาะกับ สภาพถนน สมรรถนะรถ การจ่ายภาษี การแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจใช้ระบบคะแนนทางวิทยาศาตร์ 100% พร้อมเพิ่มงบประมาณด้านสอบสวน สืบสวน พิสูจน์หลักฐาน ให้เจ้าพนักงานไม่เดือดร้อนไม่ไปรับสินบน สร้างระบบงานยุติธรรมทำให้ ผู้กล่าวหา ผู้ถูกกล่าวหา แก้ต่างได้โดยไม่ต้องใช้เงิน พัฒนาอัยการให้ลงมาดูหน้างานสัมผัสข้อเท็จจริงก่อนสั่งฟ้อง ให้ผู้พิพากษามีความรู้เฉพาะด้านในการตัดสินคดีแต่ละประเภท
9) นโยบายด้านการศึกษา กำจัดระบบแป๊ะเจี๊ยะ รับเงินใต้โต๊ะ ลดเงินเดือนพนักงานมหาวิทยาลัยระดับบริหาร อาทิ คณบดี รองคณบดี รองอธิการบดี อธิการบดี ในมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ(ม.นอกระบบ) ให้ใกล้เคียงกับอัตราเดิม เพื่อนำไปลดค่าเทอมนักศึกษาในระดับชั้น ป.ตรี-โท-เอก นักเรียนตั้งแต่ อนุบาล ประถม มัธยม อีกทั้ง เมื่อเราได้เป็นรัฐบาล เด็กนักเรียนจะต้องไม่เสียค่าบำรุงการศึกษา เพื่อเป็นการลดภาระผู้ปกครอง ส่วนแนวทางเรื่องหนี้สินครู จะตั้งตั้งธนาคารครูแห่งประเทศไทย โดยรัฐบาลเข้ามาเป็นหุ้นส่วน ส่วนหนึ่งประมาณ 25% อีก 75% ให้ประชาชนชาวไทยร่วมมาเป็นเจ้าของ เจรจาปรับลดดอกเบี้ย-เบี้ยปรับทั้งหมด หรือ เรียกว่าซื้อหนี้คืนจาก ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย และ สหกรณ์ออมทรัพย์ครูต่างๆ จำนวนกว่า 9 แสนราย ข้าราชการส่วนอื่นๆ ใช้ในแนวทางเดียวกันทั้งหมด และ

10) นโยบายลดหนี้รัฐสร้างสวัสดิการประชาชน คือเรายกเลิกหมายเลขธนบัตรหมายเลขเดิม แล้วเปลี่ยนเป็นหมายเลขใหม่ นำเงินที่พิมพ์หมายเลขใหม่ชดเชยเงินที่ไม่มีที่มาไม่สามารถชี้แจงได้ว่าเงินมาจากไหน นำเงินส่วนนี้ใช้หนี้รัฐ อีกส่วนทำสวัสดิการประชาชน ดูแลประชาชนตั้งแต่เกิดยันตาย ให้กับพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ

 

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

 

‘มาร์ค พิทบูล’ ไม่หวั่นพรรคการเมืองใช้พันล้าน ชี้ใช้แค่วันละ 30 บาท ก็หาเสียงได้ทั่วประเทศ ลั่นปักธง ‘ไทยศรีวิไลย์’ในพื้นที่ภาคใต้ได้

 

 

นายณัชพล สุพัฒนะ หรือ มาร์ค พิทบูล รองหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวว่า พรรคไทยศรีวิไลย์ เป็นพรรคที่ใช้เงินน้อยที่สุดในการหาเสียง โดยตนใช้มือถือแค่เครื่องเดียว เหมาจ่ายเดือนละ 900 บาท พรรคการเมืองอื่นใช้เงินเป็นพันล้าน ส่วนตนใช้เงินวันละ 30 บาทในการหาเสียง ใช้มือถือในการเฟซบุ๊กไลฟ์ สถิติสูงสุด 3 ล้าน 5 แสนคน ที่ดูตน นั่นหมายความว่า โลกออนไลน์เข้าถึงทุกพื้นที่ เนื่องจาก ประชากรไทยมีมือถือแทบทุกคน

 

 

“ผมไม่เคยกลัวที่รัฐบาลบอกว่าไม่ให้หาเสียงด้วยการทุ่มเงิน เราไม่จำเป็นต้องใช้เงิน ผมมั่นใจว่าชาวบ้าน 30 คน ต้องรู้จัก มาร์ค พิทบูล 5 คน ส่วนการลงพื้นที่ภาคใต้ของพรรคนั้น พี่น้องภาคใต้บอกกับผมว่า อยากลองของใหม่ ที่ผ่านมาเขาไม่ได้ชอบพรรคการเมืองเดิม แต่เขาไม่มีตัวเลือก เขาเลยเลือกพรรคเดิม ผมเชื่อว่าพื้นที่ภาคใต้เรามีศักยภาพพอที่จะได้ ส.ส.” นายณัชพลกล่าว


You must be logged in to post a comment Login