วันพฤหัสที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

เรื่องต้องรู้ของอัลไซเมอร์ / โดย ศ.นพ.วีรศักดิ์ เมืองไพศาล-รศ.พญ.ศิวาพร จันทร์กระจ่าง

On September 28, 2018

คอลัมน์ : โลกสุขภาพ

ผู้เขียน : ศ.นพ.วีรศักดิ์ เมืองไพศาล รศ.พญ.ศิวาพร จันทร์กระจ่าง ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย

(โลกวันนี้วันสุข  ประจำวันที่ 28 กันยายน – 5 ตุลาคม 2561)

ทุกวันที่ 21 กันยายนของทุกปี เป็นวันอัลไซเมอร์โลก ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทยจึงมีเรื่องหลากหลายสาระที่เลือกนำมาแบ่งปันกัน หลังจากที่คนทั่วไปมักจะมีข้อสงสัยกันว่า 1.โรคสมองเสื่อมกับโรคอัลไซเมอร์คือโรคเดียวกันหรือไม่ 2.อาการโรคอัลไซเมอร์แตกต่างจากอาการหลงลืมของผู้สูงวัยอย่างไร และ 3.โรคอัลไซเมอร์ป้องกันได้หรือไม่

เริ่มกันที่ 1.โรคสมองเสื่อมกับโรคอัลไซเมอร์คือโรคเดียวกันหรือไม่ โรคสมองเสื่อมเป็นกลุ่มอาการที่เกิดจากความเสื่อมของความจำ การคิดอ่าน การวางแผนตัดสินใจ การใช้ภาษา ทักษะในการทำกิจกรรมต่างๆ ทำให้ไม่สามารถทำกิจกรรมหรืออาชีพที่เคยทำได้ตามเดิม และอาจมีพฤติกรรมและอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย ทั้งนี้ สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการสมองเสื่อมที่พบบ่อยเป็นอันดับ 1 ถึงร้อยละ 60-70 ได้แก่ โรคอัลไซเมอร์ ซึ่งเกิดจากการที่เซลล์สมองเสื่อม อันดับ 2 คือ สมองเสื่อมจากโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งพบในผู้ที่มีความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง สูบบุหรี่ หัวใจเต้นผิดจังหวะ อาจจะผสมกันทั้ง 2 อย่าง

ส่วนสาเหตุอื่นๆได้แก่ สมองเสื่อมจากโรคพาร์กินสัน และสมองเสื่อมจากเซลล์สมองเสื่อมชนิดต่างๆ เช่น Dementia with Lewy bodies (DLB) หรือ Fronto temporal lobar dementia (FTLD) นอกจากนั้นประมาณร้อยละ 5-10 ของผู้ที่มีสมองเสื่อมเกิดจากภาวะสมองเสื่อมที่สามารถแก้ไขได้ ที่พบได้บ่อยในประเทศไทย เช่น ภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์, ขาดวิตามินบี 12, โพรงสมองคั่งน้ำ, ภาวะซึมเศร้า, ยาบางชนิดที่รบกวนการทำงานของระบบประสาท และดื่มเหล้าจัด เป็นต้น

2.อาการโรคอัลไซเมอร์แตกต่างจากอาการหลงลืมของผู้สูงวัยอย่างไร ยกตัวอย่างเช่น 2.1 อาการหลงลืม เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุด ส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วยที่เป็นโรคอัลไซเมอร์จะมีอาการหลงลืมเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้นในระยะสั้น หรือหลงลืมความรู้ใหม่ แต่เหตุการณ์ในอดีตจะจำได้ดี อาการหลงลืมนี้จะรวมไปถึงเหตุการณ์สำคัญในชีวิต เช่น งานแต่งงาน ถ้าเป็นผู้สูงวัยอาจจะลืมเรื่องชื่อหรือการนัดหมาย แต่มักจะนึกออกได้ในภายหลัง

2.2 การแก้ไขปัญหาและการวางแผน ผู้ป่วยจะพบความเสื่อมในเรื่องการวางแผน การทำงาน การแก้ไขปัญหาต่างๆในชีวิต รวมถึงการบริหารจัดการเกี่ยวกับตัวเลขทั้งหลายและเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเป็นผู้สูงอายุอาจมีปัญหาเรื่องการบริหารบัญชีรายรับรายจ่ายเป็นบางครั้งหรือเกี่ยวกับการเขียนเช็คเป็นบางครั้ง

2.3 การทำกิจกรรมในบ้าน ในที่ทำงาน หรือการพักผ่อน ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์จะมีปัญหาเกี่ยวกับการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การขับรถหลงทาง แม้จะเป็นสถานที่ที่เดินทางเป็นประจำ รวมถึงการทำงบดุล รายจ่ายประจำตัว หรือการเล่นเกมที่เคยเล่น ส่วนผู้สูงวัยอาจจะมีปัญหาเรื่องการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านที่ยุ่งยาก เช่น การปรับไมโครเวฟ หรือการเปิดโทรทัศน์ที่มีโปรแกรมที่หลากหลาย

2.4 การมองเห็นและการปรับระยะทาง ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์จะเริ่มมีปัญหาเรื่องการอ่านหนังสือ การกะระยะทาง ความแตกต่างของสี ซึ่งอาจจะเกิดปัญหาในการขับรถหรือทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย แต่ถ้าเป็นผู้สูงวัยปัญหาเหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้ แต่สาเหตุจะมาจากโรคทางจักษุวิทยา เช่น ต้อกระจก ต้อหิน หรือการเสื่อมของม่านตา

2.5 ปัญหาเกี่ยวกับการพูดและการเขียน ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์จะมีปัญหาเกี่ยวกับการเลือกใช้คำพูด ซึ่งจะทำให้ขาดการเชื่อมต่อของประโยค ทำให้พูดไม่ปะติดปะต่อหรือพูดไม่จบประโยค เนื่องจากหาคำที่เหมาะสมไม่ได้ บางครั้งจะทำให้หงุดหงิด เพราะหาคำพูดที่ถูกต้องไม่ได้ และหรือบางครั้งจะเรียกชื่อสิ่งของผิดๆ เช่น เรียกปากกาเป็นดินสอ หรือแว่นตาเป็นนาฬิกา แต่ถ้าเป็นผู้สูงวัยก็อาจจะมีปัญหาในการหาคำพูดที่ถูกต้องบ้างเป็นบางครั้ง

2.6 การวางของผิดที่หรือหาของไม่เจอ ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์จะวางของในที่ที่ไม่เคยวางหรือไม่ถูกต้อง เช่น ใส่แว่นตาในตู้เย็นและลืมสนิท และไม่สามารถคิดย้อนกลับได้เลย บางครั้งจะกล่าวหาว่าผู้ใกล้ชิดขโมยของไปเพราะหาไม่เจอ แต่ถ้าเป็นผู้สูงวัยอาจวางของผิดที่ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะสามารถนึกออกได้ในภายหลัง

2.7 การตัดสินใจผิดพลาด ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์จะเริ่มมีการตัดสินใจผิดพลาดและเป็นมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับการเงินและการลงทุน การตัดสินใจเกี่ยวกับการดูแลตัวเอง การรักษาความสะอาดตัวเอง แต่ถ้าเป็นผู้สูงวัยการตัดสินใจผิดพลาดอาจเกิดขึ้นได้บ้าง แต่ไม่บ่อย ถือว่าเป็นเรื่องปรกติ

2.8 การเข้าสังคมและการทำงาน ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์จะเริ่มเก็บตัว ลดงานอดิเรก กิจกรรมทางสังคม แม้แต่กีฬาที่ชื่นชอบ เพราะไม่สามารถทำได้ดีแบบเดิม แต่ถ้าเป็นผู้สูงวัยบางทีอาจจะเก็บตัวเนื่องจากเบื่องาน เบื่อครอบครัว กิจกรรมทางสังคม หรือมีปัญหาด้านสุขภาพทางกาย

2.9 การเปลี่ยนแปลงของอารมณ์และบุคลิกภาพ ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์จะเริ่มมีอาการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ระยะแรกๆ และจะเป็นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ที่พบบ่อยที่สุดคือ ภาวะซึมเศร้า มึนงง วิตกกังวล หวาดกลัว นอนไม่หลับ เห็นภาพหลอนโดยไม่มีสาเหตุ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นทั้งในที่บ้านและที่ทำงาน แต่ถ้าเป็นผู้สูงวัยก็อาจจะมีสภาวะการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์หรือหงุดหงิดได้บ้างถ้ามีสาเหตุ ยกตัวอย่างเช่น กิจกรรมที่ทำเป็นประจำถูกเปลี่ยนแปลง

3.โรคอัลไซเมอร์ป้องกันได้หรือไม่ มีเรื่องดีๆจากการประชุม Alzhimer’s Association International Conference 2017 (AAIC 2017) ที่จัดขึ้น ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ที่ผ่านมาว่า ถ้าสามารถลดปัจจัยเสี่ยง 9 อย่างของการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ก็จะสามารถป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ถึง 1 ใน 3 ของปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว ซึ่งจัดแบ่งออกตามอายุดังนี้คือ วัยเด็ก การศึกษาน้อยคือปัจจัยเสี่ยงจนถึงอายุ 15 ปี วัยกลางคน ความดันโลหิตสูง, โรคอ้วน,โรคหูตึง และวัยผู้สูงอายุ โรคซึมเศร้า, โรค เบาหวาน, ไม่ออกกำลังกาย, สูบบุหรี่ และการไม่เข้าสังคม

ดังนั้น การป้องกันโรคอัลไซเมอร์สามารถทำได้ตั้งแต่วัยเด็ก สามารถทำได้โดย 1.มีการศึกษาที่เหมาะสมตามเกณฑ์ 2.รักษาโรคที่เป็นปัจจัยเสี่ยงเกี่ยวกับโรคหลอดเลือดทั้งหลาย เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และโรคอ้วน โดยการควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้เกินตั้งแต่วัยหนุ่มสาว 3.แก้ไขโรคหูตึง โรคซึมเศร้า ตั้งแต่วัยกลางคน 4.ปรับปรุงการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน อาทิ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอสัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง เช่น วิ่งเหยาะๆ ปั่นจักรยาน เดินเล่น รำมวยจีน รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เป็นต้น 5.การพูดคุยพบปะผู้อื่นบ่อยๆ เช่น ไปวัด ไปงานเลี้ยงต่างๆ หรือเข้าชมรมผู้สูงอายุ เป็นต้น 6.พยายามมีสติในสิ่งต่างๆที่กำลังทำ และฝึกสมาธิอยู่ตลอดเวลา

 


You must be logged in to post a comment Login