วันเสาร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

อยากเป็นใหญ่ ไปช่วยแม่ก่อน

On September 5, 2018

คอลัมน์ สันติธรรม “อยากเป็นใหญ่ ไปช่วยแม่ก่อน”
โดย บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้วันสุข วันที่  7-14 กันยายน  2561)

เด็กหนุ่มคนหนึ่งไปสมัครงานในตำแหน่งผู้จัดการที่บริษัทแห่งหนึ่ง หลังจากผ่านการสัมภาษณ์ขั้นต้น เขาได้เข้าไปพบกับผู้อำนวยการเพื่อการสัมภาษณ์รอบสุดท้าย

หลังจากอ่านประวัติส่วนบุคคลของเขาว่าเขามีผลการเรียนดีแล้ว ผู้อำนวยการได้ถามเด็กหนุ่มว่า “คุณได้ทุนอะไรเรียนในโรงเรียนนี้ไหม?”

“ไม่ครับ” เด็กหนุ่มตอบ

“พ่อส่งเสียคุณเรียนหรือ?” ผู้อำนวยการถาม

“ไม่ใช่ครับ พ่อผมตายตั้งแต่ผมอายุ 1 ขวบ แม่เป็นคนส่งเสียผมเรียนครับ” เด็กหนุ่มตอบ

“แม่ของคุณทำงานที่ไหน?” “แม่ทำอาชีพซักเสื้อผ้าครับ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นผู้อำนวยการได้ขอดูมือเขา เด็กหนุ่มจึงส่งมือทั้งสองข้างที่นุ่มเนียนให้ผู้อำนวยการดู

“เคยช่วยแม่ซักเสื้อผ้าบ้างไหม?”

“ไม่เคยครับ แม่ผมต้องการให้ผมตั้งใจเรียน และแม่ของผมซักผ้าได้เร็วกว่าผมมากครับ”

interview-tips

เมื่อได้ยินเช่นนั้นผู้อำนวยการจึงกล่าวว่า “ผมขอคุณอย่างหนึ่งได้ไหม วันนี้เมื่อคุณกลับไปบ้านไปล้างมือให้แม่ และพรุ่งนี้เช้าค่อยกลับมาหาผม”
เด็กหนุ่มรู้สึกว่าเขามีโอกาสสูงที่จะได้งาน เมื่อกลับถึงบ้านเขาได้ขอให้แม่ยื่นมือมาให้เขาล้าง แม่ของเขารู้สึกแปลกใจที่ลูกขอเช่นนั้น นางยื่นมือให้ลูกล้างอย่างมีความสุข แต่ก็มีความรู้สึกหลายอย่างคละเคล้ากัน

เด็กหนุ่มล้างมือให้แม่ของเขาช้าๆในขณะที่น้ำตาของเขาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสังเกตว่ามือของแม่หยาบกระด้างและมีแผล

ถลอกที่ทำให้แม่ของเขาสะดุ้งทันทีเมื่อมือของเขาโดนแผลตรงนั้น

นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่มเริ่มรู้ว่าสองมือของแม่ที่ซักผ้าทุกวันนี้เองที่ทำให้เขามีเงินเรียนหนังสือ แผลถลอกในมือของม่คือราคาที่แม่ของเขาต้องจ่ายเพื่อให้เขามีการศึกษา มีเงินทำกิจกรรมต่างๆในโรงเรียน และเพื่ออนาคตของเขา

หลังจากล้างมือของแม่เสร็จแล้ว เด็กหนุ่มคนนั้นได้ก้มหน้าก้มตาซักเสื้อผ้าที่เหลืออยู่ให้แม่ของเขาอย่างเงียบๆ
ตกกลางคืนสองแม่ลูกใช้เวลาพูดคุยกันเป็นเวลานานอย่างมีความสุข

เช้ารุ่งขึ้นเด็กหนุ่มได้ไปยังสำนักงานของผู้อำนวยการ

พอเด็กหนุ่มนั่งลง ผู้อำนวยการสังเกตเห็นน้ำตาเอ่อในดวงตาของเขาเมื่อเขาถามว่า “บอกผมหน่อยซิว่าคุณได้ทำอะไรเมื่อวานนี้ และได้เรียนรู้อะไรบ้างในบ้านของคุณ?”

เด็กหนุ่มถอนหายใจตอบ “ผมล้างมือของแม่และซักเสื้อผ้าที่เหลือทั้งหมดจนเสร็จครับ ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าหากไม่มีแม่ผมคงไม่ได้เป็นอย่างที่เป็นในวันนี้ พอได้ช่วยแม่ผมจึงรู้ตัวว่าการจะทำอะไรหรือได้อะไรสักอย่างด้วยตัวเองเป็นเรื่องยากลำบาก และผมรู้ซึ้งแล้วถึงความสำคัญและคุณค่าของการช่วยเหลือครอบครัว”

ผู้อำนวยการกล่าวว่า “นี่คือสิ่งที่ผมมองหาในตัวผู้จัดการ ผมต้องการได้คนที่รู้คุณค่าการช่วยเหลือคนอื่น คนที่รู้สึกถึงความลำบากของคนอื่นในการทำงานบางอย่างให้เสร็จ และคนที่ไม่ถือว่าเงินเป็นเป้าหมายเดียวในชีวิต” หลังจากหยุดพูดสักพักหนึ่ง ผู้อำนวยการได้กล่าวว่า “คุณได้งานแล้ว”
หลังจากเข้าทำงาน เด็กหนุ่มคนนี้ขยันทำงานและได้รับความเคารพจากผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา พนักงานทุกคนมุ่งมั่นทำงานและทำกันเป็นทีม ส่งผลให้การประกอบการของบริษัทดีขึ้นอย่างมาก

สิ่งที่ผู้เขียนอยากจะบอกจากเรื่องราวข้างต้นก็คือ เด็กที่ถูกเลี้ยงอย่างได้รับการเอาใจและไม่เคยประสบความลำบากจะไม่สามารถทนแบกรับความยากลำบากได้เมื่อเป็นผู้ใหญ่ และเด็กคนใดที่ไม่เคยช่วยหรือรู้คุณบุพการีของตนเองจะไม่เห็นคุณค่าของคนที่มีส่วนในความสำเร็จของเขา


You must be logged in to post a comment Login