วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

อำนาจเปลี่ยนทิศ

On August 8, 2018

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

การเลือก “หม่อมเต่า” ขึ้นมาเป็นแม่ทัพสู้ศึกเลือกตั้งของพรรครวมพลังประชาชาติไทยมีความชัดเจนมากขึ้นว่าเป็นการพลิกเกมเพื่อชิงคะแนนเสียงจากประชาชน เนื่องจากจับกระแสได้ว่าคนไทยกำลังเบื่อการเมืองอย่างหนัก และมีความเครียดเรื่องปัญหาปากท้อง โดยเฉพาะคนรากหญ้า และกำลังลุกลามไปถึงชนชั้นกลาง ทำให้เริ่มได้ยินคนพูดถึงการไม่เอาพรรคที่สนับสนุนทหาร จึงต้องเปลี่ยนจุดขายมาเป็นความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ตรงทางเศรษฐกิจ น่าสนใจว่ากลุ่มสามมิตรจะประเมินเรื่องนี้อย่างไร และจะพลิกเกมหนีกระแสไม่เอาพรรคสนับสนุนทหารอย่างไร

การเมืองเปลี่ยนแปลงเร็ว หากไม่อยากตกกระแส อยากมีคะแนนต้องปรับตัวให้ไว ยกตัวอย่างพรรครวมพลังประชาชาติไทย จากเดิมที่เริ่มต้นจากถือธงปฏิรูปใช้ชิงเสียงจากประชาชน แต่เมื่อประชาชนมีปัญหาปากท้อง เบื่อการเมือง จึงต้องโยนธงเดิมทิ้งแล้วเอาธงแก้ปัญหาเศรษฐกิจขึ้นมาแทน

การเลือก “หม่อมเต่า” ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล เป็นหัวหน้าพรรค จากเดิมที่มีกระแสข่าวว่าเป็นหัวหน้าขัดตาทัพเพื่อมาจัดการเรื่องการตั้งพรรคให้สะเด็ดน้ำก่อนส่งให้ทีมที่ชำนาญการเมืองมารับไม้ต่อ แต่เมื่อฟังจากปากนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ที่เป็นแคนดิเดตหัวหน้าพรรคมาตั้งแต่ต้น ทำให้เข้าใจตรงกันว่า “หม่อมเต่า” คือตัวจริงเสียงจริงที่จะนำพรรคลงสู้ศึกเลือกตั้ง

การได้ “หม่อมเต่า” มาเป็นหัวหน้าพรรคได้ภาพทั้งความจงรักภักดี เทิดทูนปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ได้ภาพทั้งการเป็นกูรูทางเศรษฐกิจ เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ จบการศึกษาขั้นสูงจากสถาบันระดับโลก ทั้งเคมบริดจ์ของอังกฤษ และฮาร์วาร์ดของสหรัฐ รับราชการเป็นอธิบดีมาหลายกรม โดยเฉพาะ 2 ตำแหน่งสุดท้ายคือ ปลัดกระทรวงการคลัง และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย

นายเอนกบอกว่าด้วยสถานะและประสบการณ์ ทำให้ หม่อมเต่าพร้อมจะเป็นได้ถึงนายกรัฐมนตรี

ตีความจากคำพูดของนายเอนกทำให้เห็นชัดเจนว่าเป็นการพลิกเกมเพื่อช่วงชิงโอกาส ไม่ใช่แค่โอกาสของการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหลังการเลือกตั้งเท่านั้น แต่อาจมีเป้าหมายถึงโอกาสในการเป็น “ตาอยู่” คว้าพุงปลามันอย่างเก้าอี้นายกรัฐมนตรีมาครอบครองได้

เรื่องนี้หากมองในมุมทางการเมืองอย่างเดียว อาจมองว่าเป็นฝันกลางวันที่ไม่มีทางเป็นได้จริง

แต่อย่าประมาท

เป็นที่ทราบกันดีว่าสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันแม้ตัวเลขจีดีพีจะขยายตัวดี แต่ความคึกคักอู้ฟู่ก็จำกัดวงอยู่แต่เฉพาะกลุ่มคนรวยที่เป็นเจ้าของกิจการขนาดใหญ่เพื่อการส่งออกเท่านั้น แต่เศรษฐกิจรากหญ้าเข้าขั้นชักหน้าไม่ถึงหลัง ดูได้จากตัวเลขการก่อหนี้ครัวเรือนและการจดทะเบียนว่างงานที่มีมากขึ้น

สภาพนี้อย่าว่าแต่คนชั้นรากหญ้าที่ส่ายหน้า แม้แต่ชนชั้นกลางที่มีรายได้ผูกโยงกับคนรากหญ้าก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก สอดคล้องกับที่นายไทกร พลสุวรรณ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองฝั่งตรงข้ามระบอบทักษิณ ระบุว่าปัญหาเศรษฐกิจทำให้กระแสไม่เอาพรรคทหารลามไปถึงชนชั้นกลางแล้ว

พรรคทหารที่นายไทกรกล่าวถึงเป็นที่เข้าใจตรงกันว่าคือพรรคพลังประชารัฐภายใต้การดำเนินการของกลุ่มสามมิตรที่มีเป้าหมายชัดเจนที่จะผลักดันให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีหลังเลือกตั้ง

การพลิกเกมโยนธงปฏิรูปการเมืองทิ้ง คว้าธงเศรษฐกิจมาถือนำในการลงสนามเลือกตั้งของพรรครวมพลังประชาชาติไทย น่าจะสะท้อนสิ่งที่นายไทกรพูดได้เป็นอย่างดี ยิ่งมองถึงคำพูดของนายเอนกที่ว่าจากนี้ “หม่อมเต่า” จะดึงมือเศรษฐกิจระดับดีเด่นดังเข้ามาร่วมงานกับพรรครวมพลังประชาชาติไทยเพิ่มขึ้นอีก ก็ชัดเจนว่าเป็นการปรับยุทธวิธีเพื่อเปิดโอกาสให้กว้างขึ้น และหวังว่าจะกว้างมากพอที่จะไม่ได้มีแค่สถานะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล อาจไม่ถึงขั้นเป็นตาอยู่นั่งนายกฯ แต่อาจได้คุมกระทรวงสำคัญทางเศรษฐกิจ

พรรครวมพลังประชาชาติไทยพลิกกลยุทธ์ใหม่แล้ว ต้องดูว่ากลุ่มสามมิตรจะพลิกเกมอย่างไร ในเมื่อมีแนวโน้มว่าหลายพรรคจะมุ่งใช้ประเด็นเศรษฐกิจหาเสียงกับประชาชนมากกว่าประเด็นการเมือง

ที่สำคัญคือจะประเมินกระแสไม่เอาพรรคทหารลามไปถึงชนชั้นกลางอย่างไร ถ้าประเมินผิด พลิกตัวไม่ทัน อาจตกม้าตายได้


You must be logged in to post a comment Login