วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

งานหนักของกำนัน

On July 27, 2018

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

ภารกิจสร้างบ้านหลังใหม่ภายใต้ชื่อ “พรรครวมพลังประชาชาติไทย” ของกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ ดูท่าจะไม่ง่ายและต้องออกแรงหนักกว่าทุกครั้ง ตั้งแต่เปิดตัวพรรคข่าวการย้ายมาร่วมงานของบรรดาอดีต ส.ส. ยังเงียบสนิท ขนาดการันตีได้เป็นพรรครัฐบาลแน่นอน 100% เท่ากับว่ามีโควตาเก้าอี้รัฐมนตรีรอให้มานั่ง แต่ระดับความน่าสนใจที่จะดูดอดีต ส.ส. ให้มาร่วมงานยังน้อย โดยเฉพาะอดีต ส.ส. ในภาคใต้ที่มีลักษณะเฉพาะของพื้นที่ที่ใครก็รู้ว่าเมื่อเดินออกจากพรรคประชาธิปัตย์เท่ากับเริ่มนับถอยหลังอายุทางการเมือง ซึ่งปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดความลังเลน่าจะมาจากความไม่มั่นใจในความมั่นคงแข็งแรงของบ้านหลังใหม่

การเมืองหลังนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำพรรครวมพลังประชาชาติไทย ประกาศอุดมการณ์ 7 ข้อ พร้อมลั่นคำอย่างมั่นใจว่าหลังเลือกตั้งจะได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาลอย่างแน่นอน และตัวนายสุเทพไม่ขอรับตำแหน่งใดๆในรัฐบาล

คำประกาศนี้น่าจะเป็นการส่งสัญญาณไปถึงบรรดาอดีต ส.ส. ที่ยังลังเลไม่เข้าร่วมงานการเมืองกับพรรครวมพลังประชาชาติไทย

ทั้งนี้เพราะคนเป็น ส.ส. ไม่มีใครอยากเป็นพรรคฝ่ายค้าน เนื่องจากการเป็นพรรคฝ่ายค้านนั้นอดอยากปากแห้งเหมือนที่นักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งซึ่งล่วงลับไปแล้วเคยบอกไว้

นอกจากความอุดมสมบูรณ์ในการเป็น ส.ส.พรรครัฐบาลแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจนำไปประกอบการตัดสินใจคือโควตาเก้าอี้รัฐมนตรี

เมื่อนายสุเทพประกาศไม่ขอรับตำแหน่งใดๆในรัฐบาลหน้า เท่ากับว่าตำแหน่งรัฐมนตรีในโควตาของพรรครวมพลังประชาชาติไทยเปิดกว้างให้ใครก็ได้ที่เป็น ส.ส. ของพรรค โดยเฉพาะผู้มีดีกรีนั่งเก้าอี้ ส.ส. มาหลายสมัย ซึ่งมีอยู่ไม่น้อยที่รู้ตัวดีว่าหากยังอยู่กับต้นสังกัดเดิมโอกาสจะได้เป็นเสนาบดีกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งเป็นไปได้ยาก เพราะมีคนต่อคิวรออยู่ยาวเหยียด

อย่างไรก็ตาม คำประกาศอุดมการณ์ของนายสุเทพทั้ง 7 ข้อ อาจเป็นอุปสรรคสำคัญที่จะทำให้อดีต ส.ส. ตัดสินใจย้ายพรรคมาร่วมงานด้วย โดยเฉพาะการประกาศทำการเมืองอิงกับหลักธรรมของพุทธศาสนา

หากจำกันได้นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีแกนนำพรรคการเมืองประกาศทำการเมืองโดยอิงหลักธรรมพุทธศาสนา เพราะพรรคพลังธรรมในยุค พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เคยทำมาก่อนแล้ว

แน่นอนว่าในยุคที่ประชาชนเบื่อหน่ายความขัดแย้ง เบื่อหน่ายนักการเมืองที่มีภาพลักษณ์ไม่ค่อยดี โดยเฉพาะเรื่องความโปร่งใส ความตรงไปตรงมา และความมีคุณธรรม จริยธรรม การประกาศทำพรรคการเมืองโดยเอาหลักธรรมเป็นหลักยึดเหนี่ยวจะเป็นทางเลือกที่ดีที่ทำให้ประชาชนหันมามอง

แต่ระดับความน่าเชื่อถือของนายสุเทพกับ พล.ต.จำลอง มีความต่างและห่างกันพอสมควร

ภาพลักษณ์ของ พล.ต.จำลองและนายสุเทพต่างกันทั้งก่อนเล่นการเมือง ตอนเล่นการเมือง และตอนเป็นแกนนำม็อบบนท้องถนน

เวลาที่ พล.ต.จำลองพูดถึงคุณธรรม จริยธรรม ประชาชนไม่ค่อยมีข้อสงสัย ไม่ค่อยมีคำถาม แต่เมื่อนายสุเทพพูดประชาชนจะหันมามองอย่างไม่ค่อยวางใจและมีคำถาม

อย่างไรก็ตาม แม้ พล.ต.จำลองจะมีภาพลักษณ์ที่ดีและประชาชนให้การยอมรับมากกว่านายสุเทพ แต่การทำพรรคการเมืองโดยประกาศยึดมั่นในหลักคุณธรรม จริยธรรม ถือว่าเป็นทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน

ในภาพกว้างอาจได้รับความนิยมชมชอบอย่างรวดเร็วเหมือนพรรคพลังธรรมที่เป็นความหวังใหม่ทางการเมือง แต่ความนิยมก็ขึ้นเร็วลงเร็วเมื่อทำไม่ได้อย่างที่พูด อย่างที่ทราบกันว่าการเมืองไม่ได้มีแต่เบื้องหน้าที่มองเห็น แต่มีเบื้องหลังเบื้องลึกมากมาย คณิตศาสตร์การเมืองหนึ่งบวกหนึ่งไม่เคยได้คำตอบว่าเท่ากับสอง

การย้ายมาอยู่กับพรรครวมพลังประชาชาติไทยแม้จะมีโอกาสได้เป็นพรรครัฐบาล 100% แม้โควตาเก้าอี้รัฐมนตรีจะเปิดกว้าง แต่ความไม่มั่นใจว่าจะเป็นพรรคเฉพาะกิจหรือไม่กลายเป็นเงื่อนไขที่ทำให้บรรดาอดีต ส.ส. คิดหนักที่จะย้ายมาร่วมงานด้วย โดยเฉพาะอดีต ส.ส. ในพื้นที่ภาคใต้ที่มีลักษณะเฉพาะของพื้นที่ที่ใครก็รู้ว่าเมื่อเดินออกจากพรรคประชาธิปัตย์เท่ากับเริ่มนับถอยหลังอายุทางการเมือง เหมือนที่อดีต ส.ส. จำนวนมากเคยประสบชะตากรรมแบบนี้มาแล้ว ซึ่งต่างกับอดีต ส.ส.ภาคเหนือ ภาคอีสาน ที่การย้ายพรรคเป็นเรื่องธรรมดาทางการเมือง

การดูดอดีต ส.ส. ของพรรครวมพลังประชาชาติไทย ต่อให้เอาความอุดมสมบูรณ์ในการเป็นพรรครัฐบาล ต่อให้เอาโควตาเก้าอี้รัฐมนตรีมาล่อก็คงไม่ง่าย


You must be logged in to post a comment Login