วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2567

วัฏสงสาร / โดย พระพยอม กัลยาโณ

On June 29, 2018

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

การเมืองไม่มีอะไรแน่นอน บางคนบอกว่าหากนักการเมืองพูดว่าขาวก็ต้องเป็นดำ ถ้าดำก็เป็นขาว ถ้าพูดว่าตายก็ไม่ตาย อย่างที่มีเรื่องเล่าว่ารถนักการเมืองคว่ำและชาวบ้านแห่กันไปดู พอรู้ว่าเป็นนักการเมืองพรรคอะไร ชาวบ้านก็กรูเข้าไปชิงทรัพย์ กระชากสร้อย นาฬิกา จนนักการเมืองคนนั้นต้องร้องตะโกนดังลั่นว่ายังไม่ตาย เหมือนการยืนยันว่าไม่ทิ้งพรรคแต่กลับทิ้งพรรค

อาตมาจำได้ คุณปราโมทย์ สุขุม ที่เคยอยู่พรรคประชาธิปัตย์ ตอนนั้นเกิดกรณี 10 มกราคม พรรคแตก สมาชิกพรรคส่วนหนึ่งไปอยู่พรรคอื่นหรือตั้งพรรคใหม่ คุณปราโมทย์พูดออกมาคำหนึ่งว่า เรือรั่วก็ต้องพยายามอุด อย่ากระโดดหนีขึ้นฝั่งแล้วปล่อยให้เรือจม แกก็อยู่สู้ อาตมาเทศน์กล่าวชื่นชมว่าเป็นคนมีอุดมการณ์ ไม่ทิ้งพรรค เป็นนักการเมืองที่น่าเชื่อถือ แกก็เอาเทปที่อาตมาพูดไปหาเสียง ได้คะแนนชนะสบายเลย

นั่นเป็นเรื่องยุคนั้น ยุคนี้ใกล้จะเลือกตั้งก็มีการรวมตัวกันต่างๆนานา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่เคยมีท่าทีสงบเสงี่ยมยังหลุดปากว่าจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีก 4 ปี เพื่อทำให้บ้านเมืองเจริญ แข็งแกร่ง แต่มีหลักประกันอะไร หรือเพราะเสพติดอำนาจ เสพติดผลประโยชน์ จะรักษาคำพูดและทำได้จริงตามที่พูดหรือไม่ เพราะในอดีตก็พูดแบบนี้

อย่างครั้งพรรคสามัคคีธรรมที่รวมกันจนตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจได้ แต่ก็หนีไม่พ้นวัฏสงสารคือการเวียนว่ายตายเกิด มีเกิดก็มีดับ ตั้งอยู่ และดับไป ดับไปอย่างไม่ทิ้งร่องรอยอะไรที่เป็นความเจริญให้กับบ้านเมืองเลย มีแต่ความบอบช้ำ

ดังนั้น ตราบใดที่นักการเมืองยังอยู่ในวังวนนี้ ชาติบ้านเมืองก็ยากจะเจริญอย่างแท้จริงได้ คนหน้าเดิมๆก็คิดและทำอะไรอย่างเดิมๆ พฤติกรรมเดิมๆ เราต้องดูให้ดีๆว่าจะเลือกนักการเมืองคนไหน อย่าให้ซ้ำเติมปัญหาเดิมๆ ถ้าจะให้โอกาสใครก็ดูว่าทำได้จริงอย่างที่พูดหรือไม่

เขาบอกว่า “น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง” เรือจะล่มเปล่าๆ ที่พูดไม่ได้ขัดขวางนะ ใครอยากจะเป็นอะไรก็เป็นเถอะ ขอให้เป็นแล้วเป็นคนดี รวบรวมคนดีๆมาพัฒนาบ้านเมือง พรรคอะไร ระบอบอะไร ก็ไม่สำคัญเท่ากับได้คนดีมาช่วยบ้านเมืองกัน

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login