วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2567

6 เทคนิคดูแลเท้าผู้ป่วยเบาหวานในหน้าฝน

On May 25, 2018

คอลัมน์ : โลกสุขภาพ

ผู้เขียน : พจนา

(โลกวันนี้วันสุข วันที่ 25 พฤษภาคม- 1 มิถุนายน 2561)

เข้าสู่หน้าฝนผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานอาจมองข้ามความสะอาดและไม่ค่อยระมัดระวังตัวเอง หากเป็นแผลที่เท้าจากการเดินลุยน้ำ ความอับชื้นที่เกิดขึ้นจากเชื้อโรคที่เท้าส่งผลให้แผลหายช้าและหายยากมากขึ้น ผู้ป่วยละเลยที่จะไปเข้ารับการรักษา แผลที่เท้าเป็นภาวะแทรกซ้อนสำคัญที่อาจนำไปสู่การตัดขาในที่สุด เนื่องจากผู้ป่วยเบาหวานเส้นประสาทที่เท้ามักถูกทำลาย จึงมักไม่รู้สึกเจ็บปวดจากแผล เพราะเท้าชาไม่มีความรู้สึกเหมือนคนปรกติ

ศูนย์เบาหวาน ไทรอยด์ และต่อมไร้ท่อกรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ เปิดเผยข้อมูลว่า เบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่ก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพและปัญหาหลายระบบในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นตา ไต หัวใจ และหลอดเลือด ปัจจัยที่นำไปสู่การตัดขาในผู้ป่วยเบาหวานคือ ภาวะการขาดเลือดไปเลี้ยงเท้า ความผิดปรกติของเส้นประสาทส่วนปลายไปยังบริเวณเท้า การติดเชื้อที่เท้า ภาวะการหายของแผลผิดปรกติ หรืออุบัติเหตุเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่ทำให้เกิดแผลที่เท้า

เนื่องจากในช่วงฤดูฝนมีฝนตกบ่อย มีพื้นที่เปียกน้ำและชื้นแฉะทั้งบริเวณบ้านและด้านนอกบ้าน ผู้เป็นเบาหวานอาจเดินเหยียบน้ำโดยไม่ได้ระมัดระวัง บางครั้งเป็นน้ำขังที่สกปรก ทำให้เล็บและเท้าเปรอะเปื้อนโดยไม่ได้ดูแลทำความสะอาดและเช็ดเท้าให้แห้งดีพอ สิ่งสกปรกเหล่านี้เป็นสาเหตุหนึ่งของการติดเชื้อและเป็นแผลบริเวณเล็บและเท้าได้ วิธีป้องกันคือ

1.ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ดีหรือปรกติจะช่วยลดภาวะแทรกซ้อนต่างๆที่มักเกิดขึ้นกับผู้เป็นเบาหวาน เช่น โรคไต ประสาทตาเสื่อม เส้นประสาทรับความรู้สึกเสื่อม และควรออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อย 3-4 ครั้ง/สัปดาห์ ประมาณ 1 ชั่วโมง อีกทั้งควรงดการสูบบุหรี่ เพราะจะไปทำลายเส้นเลือด 2.สวมใส่รองเท้าสบายๆ ควรเลือกใช้รองเท้าที่มีรูปทรงลักษณะเช่นเดียวกับเท้า รองเท้าจะต้องนิ่ม ด้านบนทำด้วยหนัง ไม่คับหรือหลวมจนเกินไปจนเกิดการเสียดสีเป็นแผล หรือทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก รองเท้าที่สวมใส่ควรช่วยให้น้ำหนักตัวกระจายลงทั่วๆเท้า และในช่วงฤดูฝนหลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำลุยโคลน หากจำเป็นให้ใส่รองเท้าบู๊ตหรือรองเท้าหุ้มส้น เพื่อป้องกันไม่ให้เท้าเปียกน้ำ

3.ดูแลรักษาเท้าอย่างดีทุกวัน หมั่นตรวจเท้า ดูบริเวณซอกนิ้วเท้า หลังเท้า และฝ่าเท้า เป็นประจำทุกวันว่ามีอาการปวดบวม มีแผล รอยช้ำ ผิวเปลี่ยนสีหรือเม็ดพอง โดยตรวจทั่วทั้งฝ่าเท้า ส้นเท้า หากพบความผิดปรกติควรปรึกษาแพทย์ทันที มีรอยแตกย่นหรือไม่ ถ้าผิวแห้งอาจทำให้คัน หากมีการเกาจะเกิดรอยแตกติดเชื้อได้ง่าย ให้ทาครีมบางๆเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ไม่ควรเดินเท้าเปล่าเพราะอาจเหยียบของมีคมได้ ซึ่งจะทำให้เกิดแผลที่เท้า 4.สังเกตเชื้อราที่เล็บ ผู้เป็นเบาหวานมักเกิดเชื้อราที่เล็บได้ง่าย ดังนั้น ควรตรวจดูสภาพเล็บอย่างสม่ำเสมอ ถ้าเกิดเชื้อราขึ้นควรไปพบแพทย์หรือทำการรักษา

5.ล้างเท้า ทำความสะอาดเล็บและเท้าด้วยสบู่อ่อนๆธรรมดาและใช้ผ้าซับเท้า โดยเฉพาะบริเวณซอกนิ้วเท้าให้แห้ง เพื่อป้องกันการอับชื้นหรือเชื้อรา 6.ตัดเล็บ ควรตัดเล็บเท้าอย่างสม่ำเสมอ และควรตัดเล็บเท้าลักษณะปลายตรงให้สั้นพอประมาณโดยไม่ตัดเข้ามุมเล็บ เพื่อป้องกันการเกิดเล็บขบได้ หากมีเล็บขบควรปรึกษาแพทย์ ในส่วนของผู้เป็นเบาหวานที่เป็นผู้สูงอายุควรมีญาติหรือพยาบาลเฉพาะทางเป็นผู้ตัดเล็บให้ เนื่องจากผู้ป่วยมักมีสายตามัวลง ทำให้ขาดความแม่นยำในการตัดเล็บด้วยตนเอง ซึ่งอาจส่งผลทำให้เกิดแผลที่เล็บและเท้า และเป็นสาเหตุของการสูญเสียอวัยวะส่วนนิ้วและเท้าได้

โรคแทรกซ้อนเหล่านี้อาจป้องกันได้ถ้าได้รับการดูแลเท้าและเล็บเป็นอย่างดี การใส่รองเท้าที่พอเหมาะ ไม่คับหรือกดจนเกินไป และเมื่อเกิดแผลต้องพยายามอย่าลงน้ำหนักที่แผล วิธีที่ปฏิบัติได้ง่ายๆคือ การนอนพัก อย่าพยายามเดินถ้าไม่จำเป็น ควบคุมน้ำตาลในเลือดให้เป็นปรกติ ควรงดสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่มีส่วนสำคัญในการหายช้าของแผล และงดการเดินลุยน้ำโดยไม่ระมัดระวัง


You must be logged in to post a comment Login