วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2567

เด็กเล็กควรระวัง 4 โรคร้ายหน้าร้อน / โดย นพ.พรเทพ สวนดอก

On May 4, 2018

คอลัมน์ : โลกสุขภาพ

ผู้เขียน : นพ.พรเทพ สวนดอก

(โลกวันนี้วันสุข วันที่ 4-11 พฤษภาคม 2561)

เมื่อเข้าหน้าร้อน ร่วมกับอากาศที่เปลี่ยนแปลงเร็ว ถ้าไม่ได้พักผ่อนและดูแลสุขอนามัย เชื้อโรคก็จะเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น เด็กเล็กซึ่งมีระบบภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรงเท่าผู้ใหญ่จึงมีโอกาสเจ็บป่วยได้ง่าย การดูแลสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ พ่อแม่ผู้ปกครองควรใส่ใจให้มาก เพื่อป้องกันโรคที่อาจเกิดขึ้นกับบุตรหลานที่ท่านรัก

โรคในเด็กที่พบได้บ่อยในช่วงหน้าร้อนแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่คือ 1.โรคระบบทางเดินอาหาร เป็นโรคที่พบบ่อย โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อน อากาศอบอ้าว อาหารบูดเสียได้ง่าย เด็กเล็กมีระบบภูมิคุ้มกันในลำไส้ไม่แข็งแรงนัก หากรับประทานอาหารผิดสำแดงหรือไม่สะอาดทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย เช่น โรคลำไส้อักเสบ อาหารเป็นพิษ ที่มีสาเหตุมาจากเชื้อโรค ไม่ว่าจะเป็นเชื้อแบคทีเรียและไวรัส ลักษณะอาการมีตั้งแต่คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ถ่ายเหลว ปวดท้อง ในเด็กเล็กๆหากถ่ายเหลวมากทำให้เกิดภาวะขาดน้ำได้ง่าย เนื่องจากรับประทานอาหารไม่ได้ ร่วมกับเบื่ออาหาร อาเจียน สังเกตได้จากปัสสาวะสีเข้ม เล่นน้อยลง ถ้าปล่อยไว้ไม่รีบรักษาอาจช็อกถึงขั้นหมดสติได้

ในบางรายอาการค่อยเป็นค่อยไปไม่เฉียบพลัน ผู้ปกครองไม่ทันได้สังเกต เห็นเพียงแค่อาเจียน ถ่ายบ้างเล็กน้อย คิดว่าคงหายได้เอง ที่สำคัญคือไม่ได้ดื่มน้ำเกลือแร่ที่เพียงพอ ให้ดื่มเพียงแค่น้ำเปล่า ซึ่งไม่สามารถชดเชยเกลือแร่ที่สูญเสียไปได้ ทำให้เด็กอ่อนเพลีย ซึมลงเรื่อยๆ ดังนั้น ผู้ปกครองควรสังเกตอาการเด็ก หากมีอาการอ่อนเพลีย ซึม เล่นน้อยลง ควรรีบมาปรึกษาแพทย์ ทางที่ดีควรพามาพบแพทย์ก่อนมีอาการซึมหรือมีไข้สูง วิธีการป้องกันคือ เลือกรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่สะอาด ปรุงสุกใหม่ๆ หลีกเลี่ยงการรับประทานน้ำแข็งที่นิยมในช่วงอากาศร้อน ซึ่งอาจปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียได้ง่าย

2.โรคระบบทางเดินหายใจ ในช่วงหน้าร้อนอากาศมีการเปลี่ยนแปลงเร็ว อากาศร้อนๆภายนอก เดินเข้าห้างสรรพสินค้าเจออากาศเย็นทันที ร่วมกับสถานที่มีคนจำนวนมากแออัด อาจทำให้เด็กติดเชื้อทางเดินหายใจเกิดโรคต่างๆได้ เช่น ไข้หวัดธรรมดา ตลอดจนไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเป็นโรคที่พบได้ตลอดปีในประเทศไทย แม้แต่ในหน้าร้อนก็ยังเป็นได้ ถือเป็นโรคที่ติดต่อง่ายอีกโรคหนึ่ง ยิ่งในเด็กเล็กมักมีอาการรุนแรงได้มากกว่าในวัยอื่น และมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดอักเสบ ผู้ปกครองที่พาเด็กไปเที่ยวนอกบ้านอาจเจอการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ อากาศร้อนๆพาไปลงสระว่ายน้ำทันที หรือเข้าไปในลานไอซ์สเกตที่อากาศเย็นจัดๆทันที พอเดินออกมาเจออากาศร้อนอีกครั้ง ภูมิคุ้มกันของเด็กยังไม่ค่อยแข็งแรงเท่าผู้ใหญ่ ทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย วิธีป้องกันคือ ไม่ปรับสภาพแวดล้อมแบบทันที ควรนั่งพักให้ร่างกายค่อยๆปรับอุณหภูมิก่อน และที่สำคัญคือ การล้างมือให้สะอาด หมั่นทำเป็นกิจวัตร

3.โรคผิวหนัง เมื่อเหงื่อออกมากเปียกเสื้อผ้าที่สวมใส่ เกิดความอับชื้นตามซอกข้อพับผิวหนังต่างๆ ยิ่งอุณหภูมิสูงยิ่งทำให้เกิดผดผื่นได้ง่าย หรือเด็กๆมักชอบออกไปวิ่งเล่นกลางแจ้ง ผิวหนังสัมผัสกับสิ่งสกปรก เกิดผิวหนังอักเสบ ผู้ปกครองควรดูแลความสะอาดหรือหมั่นชำระล้างสิ่งสกปรกออกจากผิวหนัง เพื่อช่วยลดการเกิดโรคผิวหนัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแดดในช่วงหน้าร้อนค่อนข้างแรง หากเล่นตากแดดอาจทำให้ผิวหนังเกิดการแพ้แดด เนื่องจากผิวเด็กบอบบางและไวต่อแสงแดด อาจทำให้ถูกเผาไหม้ได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ เมื่อได้รับแสงแดดมากๆจะเกิดอาการแสบร้อนผิว เป็นผื่นแดง ผิวหนังไหม้ แต่อาการเหล่านี้สามารถลดลงได้ อาจนำผ้าเย็นมาประคบผิวจนอาการแสบร้อนบรรเทาลง หมั่นใช้ครีมกันแดด และระวังบุตรหลานให้หลีกเลี่ยงการออกไปวิ่งเล่นกลางแสงแดดจัด

4.โรคพิษสุนัขบ้า เป็นโรคที่พบไม่บ่อยแต่อันตรายถึงชีวิต สถิติระบาดวิทยาของประเทศไทยพบจำนวนผู้ป่วยต่อปีไม่เกิน 10 ราย ข้อมูลปี 2561 มีจำนวนผู้ป่วยโรคพิษสุนัขบ้าสูงมากขึ้น นับถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2561 มีผู้ป่วยเสียชีวิตแล้ว 7 ราย สาเหตุจากในช่วงอากาศร้อนสัตว์มีความดุร้ายและหงุดหงิดได้ง่ายขึ้น เมื่อเด็กไปเล่นหรือไปแหย่สัตว์เหล่านั้น ทำให้มีโอกาสถูกสัตว์กัดได้ง่าย เมื่อไรที่สัตว์กัดอย่าไว้วางใจ ควรรีบทำความสะอาดแผลเบื้องต้น ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำสบู่ ทายาฆ่าเชื้อเบตาดีนหรือแอลกอฮอล์ แล้วรีบมาพบแพทย์ เพราะต้องประเมินบาดแผลในการให้วัคซีนและเซรุ่มร่วมด้วย เพราะสัตว์เลี้ยงของเราไม่ได้เลี้ยงอยู่ในบ้านตลอด อาจมีการปล่อยออกไปนอกบ้านบ้าง และถึงแม้จะฉีดวัคซีนแล้วแต่บางทีไปโดนสัตว์อื่นกัดมาก็ต้องนึกไว้เสมอว่าไม่ปลอดภัย หากป่วยเป็นโรคพิษสุนัขบ้าแล้วโอกาสเสียชีวิตสูง

การป้องกันในเรื่องสุขอนามัยให้กับเด็กๆเป็นสิ่งจำเป็น ควรสอนให้เด็กๆล้างมือ ทำให้เป็นกิจวัตรหลังจากไปเล่นหรือเข้าห้องน้ำ เวลารับประทานอาหารให้พยายามใช้ช้อน ผู้ปกครองอย่าไว้วางใจว่าเด็กเกิดอาการแล้วจะหายได้เอง ทางที่ดีควรพาบุตรหลานมาพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาและตรวจอาการให้แน่ใจ


You must be logged in to post a comment Login