- เลือกงานให้โดน บริหารคนให้เป็น ตาม“ลัคนาราศี”Posted 13 hours ago
- ต่างศาสนา ต่างชาติพันธุ์ อยู่ร่วมกันภายใต้ความแตกต่างPosted 13 hours ago
- โลภ•ลวง•หลง เกมพลิกชีวิต รีแบรนด์หรือรีบอร์นPosted 13 hours ago
- กูไม่ใช่ไก่ต้มเว้ย! อย่ามาต้มกูเลย..Posted 13 hours ago
- หยุดความรุนแรง-ลวงโลกPosted 2 days ago
- อ.เบียร์ช่วยวัดสวนแก้วPosted 5 days ago
- เลิกเสียเงินกับเรื่องโง่ๆPosted 6 days ago
- ปัญหายาเสพติดวาระแห่งชาติPosted 7 days ago
- แก่อย่างไม่มีคุณค่าPosted 1 week ago
- “ทักษิณ” ยังมีมนต์ขลังPosted 1 week ago
5ภาคส่วนการเกษตรแนะรัฐเรื่องความปลอดภัยทางการเกษตร
สมาคมเทคโนโลยีชีวภาพสัมพันธ์ ร่วมกับ มูลนิธิโครงการหลวง สภาหอการค้าไทย สมาพันธ์เกษตรปลอดภัย และอดีตที่ปรึกษาปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อดีตนายกสมาคมดินและปุ๋ยแห่งประเทศไทย จัดเสวนา ทางออกของประเทศไทย ความปลอดภัยทางการเกษตร หลังจากบางหน่วยงานนำเสนอข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน ขาดข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ สร้างความตื่นตระหนกและไม่มั่นใจในการบริโภค รวมถึงกระทบต่อเกษตรกรรายย่อยกว่า 10 ล้านราย ราคาสินค้าตกต่ำ ขายไม่ได้ ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น
ดร. นิพนธ์ เอี่ยมสุภาษิต นายกสมาคมเทคโนโลยีชวีภาพสัมพันธ์ เปิดเผยว่า ประเทศไทยในฐานะ ครัวของโลก ส่งออกสินค้าเกษตรกรรมไปจำหน่ายยังต่างประเทศมากกว่า 200 ประเทศ นำรายได้เข้าสู่ประเทศปีละ 1.2 ล้านล้านบาท แต่จุดอ่อนของเกษตรกรรมไทย ต้องประสบปัญหาการคุกคามจากศัตรูพืช โดยเฉพาะ วัชพืช ตลอดทั้งปี ดังนั้น การเลือกใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช ถือเป็นเทคโนโลยีปัจจัยการผลิตหนึ่งที่ช่วยให้เกษตรกรสามารถผลิตสินค้าได้ตรงตามความต้องการของตลาดในและต่างประเทศ แต่ในทางกลับกัน สารเคมีที่เกษตรกรใช้เป็นอาวุธป้องกันผลผลิต เช่น พาราควอต กลับถูกมองเป็นจำเลยสังคม เพราะมีการนำเสนอข้อมูลที่ขาดข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ และไม่ครบถ้วน จึงได้จัดจัดเสวนาในครั้งนี้ เพื่อเป็นการเสนอทางออกผ่านมุมมองของนักวิชาการ และผู้อยู่ในวงการเกษตร โดยคำนึงถึงบริบททางสังคม วิทยาศาสตร์ ความเป็นไปได้ ณ ปัจจุบัน ในการพัฒนาภาคเกษตรของไทยให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน
ศ. ดร. นุชนาฏ จงเลขา ผู้อำนวยการศูนย์อารักขาพืช มูลนิธิโครงการหลวง กล่าวถึงมาตรฐานการผลิตว่า ผลผลิตของโครงการหลวงมีมาตรฐานสูง มีกระบวนการให้ความรู้และคัดสรรสมาชิกหรือเกษตรกรในโครงการ ซึ่งผู้เข้าร่วมจะต้องปฏิบัติตามกฎของโครงการ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีมาตรฐาน ตามแบบสากล ไม่ว่าจะเป็นระบบ GAP (Good Agriculture Practice) ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสูง และ Global GAP มาตรฐานระดับโลก ซึ่งต้องมีการควบคุมการใช้สารกำจัดวัชพืช เช่นพาราควอตซึ่งเป็นปัจจัยการผลิตพื้นฐานที่สำคัญของเกษตรกรก็เช่นกัน แต่ที่ผ่านมา ก็มีการนำเสนอข้อมูลจากบางหน่วยงานที่ขาดข้อเท็จจริง ส่งผลกระทบต่อกลุ่มสมาชิกเกษตรกรโครงการถูกปฏิเสธการรับซื้อสินค้าเป็นจำนวนมาก จึงอยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง พิจารณาข้อมูลต่างๆ บนพื้นฐานด้านวิชาการ มีความรู้ ความชำนาญ และการตรวจสอบ ควรใช้ห้องปฏิบัติการที่ได้รับรองมาตรฐานด้านการวิเคราะห์ การนำเสนอข้อมูลในเชิงลบ ก่อให้เกิดผลกระทบรุนแรงต่อเกษตรกรผู้ผลิต และการส่งออก ดังนั้น การนำเสนอข้อมูลในเชิงลบแบบนี้ จำเป็นต้องพิจารณาให้รอบคอบ
นายชูศักดิ์ ชื่นประโยชน์ รองประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ประเด็นเรื่องความปลอดภัยทางการเกษตร เป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วน ทั้งเกษตรกรผู้ใช้ กลุ่มพ่อค้าคนกลาง ภาครัฐ และประชาชน ปัจจุบัน มีระบบที่คอยช่วยเหลือเกษตรให้สามารถใช้สารเคมีได้อย่างถูกต้อง ในทุกวัน ชีวิตคนเราต้องเผชิญกับสารเคมีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าการเผชิญนั้น มนุษย์เรารู้จักป้องกันหรือรู้จักใช้แค่ไหน จากข่าวที่มีผู้หยิบยกการปนเปื้อนของสารกำจัดวัชพืช ที่ว่าพบสารพาราควอตปนเปื้อนในผักมากมาย แต่ความเป็นจริงแล้ว ยังไม่เคยมีประเทศคู่ค้าตีกลับสินค้าเนื่องจากการปนเปื้อนพาราควอต หรือสารกำจัดวัชพืชชนิดอื่นๆ เลย ดังนั้นการนำเสนอข่าวแบบนี้ จะส่งผลกระทบถึงความเชื่อมั่น และกระทบการส่งออกของประเทศ
นายประสาท เกศวพิทักษ์ อดีตที่ปรึกษาปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อดีต นายกสมาคมดินและปุ๋ยแห่งประเทศไทย กล่าวเสริมว่า เกษตรกรส่วนใหญ่ในประเทศไทยเป็นเกษตรกรรายเล็ก ปัจจุบัน จำเป็นที่จะต้องได้รับความช่วยเหลือให้สามารถยู่รอดได้อย่างยั่งยืน ทุกภาคส่วนต้องโดยคำนึงถึงเกษตรกรเป็นหลัก
นายสุกรรณ สังข์วรรณะ เลขาธิการสมาพันธ์เกษตรปลอดภัย กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้พยายามสร้างความรู้และความเข้าใจให้แก่กลุ่มต่าง ๆ ทั้งภาคเกษตรกร สังคม และภาครัฐ ในประเด็นความปลอดภัยทางการเกษตร และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเกษตรกร และเศรษฐกิจของประเทศ ทันทีที่มีข่าวการปนเปื้อนพารา ควอตในพืชผัก ราคาสินค้าตก เกษตรกรขายสินค้าไม่ได้ทันที ที่ผ่านมาบางหน่วยงานกลับให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน ขาดข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ นำข้อมูลที่เกิดขึ้นส่วนน้อยมาเป็นตัวแทนของทั้งประเทศ แบบนี้ไม่ถูกต้อง ให้ข่าวจนสังคมเกิดความตื่นตะหนก และนี่มาถึงขั้นให้เลิกใช้พาราควอต จึงอยากให้ภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ต้องพิจารณาทุกเรื่องบนพื้นฐานของความเป็นจริง ทั้งนี้ ทางออกที่เหมาะสมคือหน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบในการนำข้อมูลไปตัดสินหรือพิจารณาในการกำหนดแนวทางเพื่อทำให้เกิดความปลอดภัยของภาคเกษตร เช่น ช่วยกันสนับสนุนให้เกิดความรู้ เรื่องมาตราฐานการผลิต ต้องเฝ้าระวัง และตรวจสอบความปลอดภัยทางอาหาร และผลผลิต และมีการรายงานผลเพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่น การนำเสนอข้อมูลต้องรอบด้านและไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
You must be logged in to post a comment Login