วันพฤหัสที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2567

ใครต้องรับผิดชอบ? / โดย พระพยอม กัลยาโณ

On January 22, 2018

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

ใครจะนึกว่าธนาคารจะถูกขย่มถูกขย้ำให้เสียเครดิต  กรณี น้องณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ อายุ 24 ปี ถูกดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง เนื่องจากถูก “แก๊งค์โรแมนซ์สแกมเมอร์” ที่มีชาวแคเมอรูนเปนหัวโจก นำบัตรประจำตัวประชาชนไปเปิดบัญชีธนาคารถึง 10 บัญชีใน 8 ธนาคาร เป็นเงินประมาณ 6 ล้านบาท  โดยธนาคารไม่มีการตรวจสอบว่าเป็นตัวจริงเสียงจริงหรือเปล่าที่มาเปิดบัญชี  ซึ่งน้องณิชาได้แจ้งขอทำบัตรประจำตัวประชาชนใหม่หลังจากทำบัตรหายในร้านสะดวกซื้อ

ผลการสอบสวนหลังจากน้องณิชาถูกตำรวจนำตัวไปสอบสวนตั้งแต่บ่ายยันตี 3 ในที่สุดดตำรวจก็แถลงยืนยีนว่าไม่ผิด  แต่เป็นเหยื่อแกงค์โรแมนซ์สแกมเมอร์ซึ่งได้สารภาพว่าร่วมกันทำผิดจริง  ส่วนธนาคารเองก็ต้องไปปรับปรุงแก้ไขความสะเพร่า  ตำรวจก็บอกว่าธนาคารก็มั่วชุ่ย ไม่รอบคอบ ไม่ตรวจสอบให้ดี

เรื่องนี้ก็มีคนยุให้น้องณิชาฟ้องธนาคารที่ทำให้ต้องถูกจับกุมคุมขังจนเสียชื่อเสียง  แต่ทางธนาคารก็บอกว่าธนาคารไม่ได้เป็นผู้ทำ  จึงฟ้องค่าเสียหายธนาคารไม่ได้

พวกหาชั่วตามหลักพระพุทธศาสนาเรียกว่า “มิจฉากัมมันตะ” คือ ประกอบการหาชั่ว ไม่หาชอบตามที่ควรจะหา  ผิดหลักผิดเกณฑ์ความเป็นมนุษย์ถือว่าใช้ไม่ได้

ส่วนธนาคารจะปฏิเสธความรับผิดชอบอย่างไรก็ยังถือว่าไม่งาม  ยังไงก็ควรรับผิดชอบในความสะเพร่าตามเหตุตามผล  ทำให้คนไม่ผิดต้องติดคุกเพราะเป็นความสะเพร่าของธนาคารด้วย  หากธนาคารทำงานมั่วอย่างนี้ก็เสียชื่อเสียง  ถ้าไม่รับผิดชอบเลยก็คงจะรับไม่ได้

อาตมาก็ขอบอกว่า ใครที่ผิดพลาดไปแล้วก็ต้องยอมรับผิด  อย่าเอาตัวรอดแบบน่าเกลียด  จะผิดถูกอย่างไรก็ให้มันพอดีพองาม  ไม่ใช่เอาตัวรอดแล้วให้คนอื่นเขาติฉินนินทาว่าร้าย  มันไม่ควร ไม่สวย ไม่ใช่บอกว่าไม่มีความผิดอะไรเลย  อันนี้ไม่ถูก  ทำให้เด็กผู้หญิงคนหนึ่งต้องทุกข์และสูญเสียอิสรภาพ ถือเป็นเรื่องใหญ่  ไม่ใช่เรื่องเล็ก ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าธนาคารเองก็ผิดเพราะความสะเพร่าที่ไม่ตรวจสอบให้รอบคอบ  ไม่ดูว่าคนมาเปิดบัญชีเป็นตัวจริงหรือไม่  ผู้ใหญ่ของธนาคารก็ต้องเอาไปคิดว่าถูกหรือไม่  เรื่องนี้จึงเป็นบทเรียนทุกฝ่ายให้ระมัดระวังและปรับปรุงแก้ไข จะได้ไม่เกิดเรื่องไม่ดีไม่งามอย่างนี้อีก

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login