วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2567

โรคพิการทางสมองในเด็ก / โดย พญ.วรัชยา ฟองศรัณย์

On December 4, 2017

คอลัมน์ : โลกสุขภาพ

ผู้เขียน : พญ.วรัชยา ฟองศรัณย์

สมองเป็นส่วนของอวัยวะที่สำคัญที่สุดของคนเรา ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานส่วนต่างๆของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหว ความรู้สึกนึกคิด หรือความจำ โดยสมองจะเริ่มมีการพัฒนาหลังจากปฏิสนธิ ซึ่งขณะที่ทารกอยู่ในครรภ์มารดา เซลล์ประสาทของทารกจะค่อยๆเพิ่มขึ้น 250,000 เซลล์ต่อนาที เพราะฉะนั้นทุกนาทีจึงมีความหมายในการพัฒนาศักยภาพสมองของลูก

การมีลูกน้อยเป็นเด็กเฉลียวฉลาดคือสุดยอดปรารถนาของคุณพ่อคุณแม่ โดยทั่วไปสมองของเด็กจะค่อยๆพัฒนาตั้งแต่เริ่มปฏิสนธิในครรภ์มารดาได้ 8 สัปดาห์ และเซลล์สมองจะพัฒนาได้อย่างเต็มที่เมื่อเด็กอายุ 8 ขวบ ช่วงที่สมองพัฒนาได้ดีที่สุดคือ ช่วงแรกเกิดจนถึง 3 ขวบ แต่มักมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ โดยพบว่าเด็กที่คลอดก่อนกำหนด เด็กที่คลอดน้ำหนักน้อย คุณแม่ที่มีปัญหาเรื่องคลอดลูกยาก รวมไปถึงคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ลูกแฝด มีความเสี่ยงที่ลูกจะป่วยเป็นโรคพิการทางสมอง (CP)

โรคสมองพิการ (Cerebral Palsy หรือ CP) เป็นคำรวมของกลุ่มอาการผู้ป่วยเด็กที่มีความพิการอย่างถาวรของสมอง ความพิการนี้จะคงที่และไม่ลุกลามต่อไป ซึ่งมีผลให้การประสานงานของการทำงานของกล้ามเนื้อบกพร่อง ทำให้ร่างกายมีการเคลื่อนไหวและการทรงตัวที่ผิดปรกติ เช่น การเกร็งของใบหน้า ลิ้น ลำตัว แขน ขา การทรงตัวในขณะนั่ง ยืน เดิน ผิดปรกติหรืออาจเดินไม่ได้ นอกจากนี้อาจมีความผิดปรกติในการทำงานของสมองด้านอื่นๆร่วมด้วย เช่น มีความบกพร่องในการมองเห็น การได้ยิน การรับรู้ การเรียนรู้ สติปัญญา และโรคลมชัก เป็นต้น

สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคสมองพิการมาจาก 3 ระยะ อันได้แก่ 1.ระยะก่อนคลอด เช่น ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด ภาวะสายสะดือพันคอ 2.ระยะคลอด ทารกที่มีปัญหาคลอดยาก สายสะดือถูกกดทับ และ 3.ระยะหลังคลอด ทารกได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ตัวเหลืองรุนแรงเมื่อแรกเกิด การติดเชื้อในสมอง ระยะที่ 1 และ 2 มีผลทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองลดลง ทำให้สมองขาดออกซิเจน ส่วนระยะที่ 3 เกิดความผิดปรกติที่เนื้อสมองโดยตรง

ด้วยเหตุดังกล่าวจึงเป็นที่มาของความร่วมมือระหว่างบริษัท ไทย สเตมไลฟ์ จำกัด ธนาคารสเต็มเซลล์เอกชนแห่งแรกและแห่งเดียวในปัจจุบันที่มีการเก็บและรับฝากสเต็มเซลล์ทั้งจากเลือดในรกและสายสะดือและจากกระแสโลหิต กับ โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำแห่งหนึ่ง ซึ่งได้รายงานความปลอดภัยและความเป็นไปได้ของการรับสเต็มเซลล์ที่ได้จากการเก็บเลือดจากรกและสายสะดือของตนเองกับผู้ป่วยเด็กในวัยหัดเดินที่มีการวินิจฉัยว่าเป็นโรคสมองพิการชนิด CP 2 ราย ร่วมกับการฉีดยา Granulocyte Colony Stimulating Factor (G-CSF) ในขนาดที่ต่ำ เพื่อให้ประสิทธิผลในการเคลื่อนไหวของเด็กที่เป็นโรคสมองพิการเป็นไปในทางที่ดีขึ้น

อุบัติการณ์ของโรคสมองพิการในเด็กมีความชุกของโรคคือ 2.1 ต่อการกำเนิดเด็กทารก 1,000 คน นอกจากนั้นโรคสมองพิการนี้ยังสามารถเกิดได้จากอุบัติเหตุของเด็กเล็กในลักษณะสมองได้รับการกระทบกระเทือน ซึ่งมีผลอย่างยิ่งต่อการพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวและท่าทาง ทำให้ไม่สามารถเดินได้เหมือนเด็กปรกติ เนื่องมาจากความผิดปรกติที่เกิดขึ้นในสมองส่วนที่ควบคุมการเคลื่อนไหว

โดยปรกติแล้วจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ การรักษาจะเป็นแบบประคับประคองตามอาการและความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นการให้ยาคลายกล้ามเนื้อ การทำกายภาพบำบัดอย่างสมํ่าเสมอ การแก้ไขภาวะผิดปรกติของการรับรู้ที่สำคัญ เช่น เครื่องช่วยการได้ยิน การฝึกพูด หรือแม้แต่การผ่าตัด ซึ่งจะทำในรายที่เด็กมีกระดูกหรือกล้ามเนื้อผิดรูปที่รุนแรง เพื่อช่วยให้มีการเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น

และเมื่อเร็วๆนี้มหาวิทยาลัยดุ๊ก สหรัฐอเมริกา ได้ตีพิมพ์ข้อมูลงานวิจัยผลสำเร็จของการรักษาผู้ป่วยโรคสมองพิการ CP ด้วยสเต็มเซลล์จากเลือดในรกและสายสะดือของตนเองว่าช่วยเพิ่มพัฒนาการของสมองได้จริง ถือเป็นความสำเร็จครั้งแรกของโลก ทำให้ปัจจุบันทั่วโลกเริ่มหันมาสนใจโรคดังกล่าวเป็นอย่างมาก


You must be logged in to post a comment Login