วันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

จุดขายตำคอ

On November 28, 2017

ข่าวจับมือกันสกัดการสืบทอดอำนาจและเซ็ทซีโร่อำนาจ คสช.ออกมาวันเดียวทั้งเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ออกมาปฏิเสธพัลวัน ถ้าใครเป็นคอการเมืองคงไม่ตื่นเต้นกับข่าวนี้เพราะรู้ดีว่าโอกาสที่จะเห็นสองพรรคใหญ่จับมือกันตั้งรัฐบาลนั้นยากพอๆกับโอกาสที่จะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก เพราะแม้หลังเลือกตั้งทั้งสองพรรคจะมีสถานะเป็นพรรคฝ่ายค้านเหมือนกันแต่การร่วมมือไม้ร่วมมือตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลจะไม่มีทางเห็นด้วยหรือทิศทางที่สอดคล้องกัน 100% ทั้งนี้เพราะทั้งสองพรรคหวังผลสัมฤทธิ์ในการทำงานหรือมีเป้าหมายของการทำงานที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

ข่าวการจับมือกันสะกัดอำนาจหรือเซ็ทซีโร่อำนาจคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หลังการเลือกตั้งของ 2 พรรคการเมืองใหญ่อย่างพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ออกมาสร้างกระแสได้วันเดียว ทั้งสองพรรคต้องโดนหนีไปคนละทางสองทาง

จริงๆ ข่าวแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีการพูดถึงมาเป็นระยะในหลายวาระและหลายโอกาส

แต่ทุกครั้งจะจบลงด้วยการปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง เป็นไปไม่ได้ ทั้งที่คนพูดมีตัวตน มีหลักฐานการพูดยืนยันได้ว่าไม่ใช่เรื่องไม่มีที่มาที่ไป

คนที่สนใจข่าวสารด้านการเมืองจะไม่แปลกใจกับกระแสข่าวและท่าทีแบบนี้ เพราะรู้แก่ใจดีว่าการจับมือกันของ 2 พรรคการเมืองใหญ่อย่างพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์นั้นไม่มีความเป็นไปได้ในความเป็นจริง

ทั้งนี้เพราะมีหลายเงื่อนไขที่เป็นอุปสรรคใหญ่ที่ไม่อาจทำให้พรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์สามารถร่วมงานกันได้

ไม่ใช่แต่ในฐานะการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล แม้แต่ในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้านก็ร่วมงานกันไม่ได้

แม้หลังเลือกตั้งทั้งสองพรรคจะมีสถานะเป็นพรรคฝ่ายค้านเหมือนกันแต่การร่วมมือไม้ร่วมมือตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลจะไม่มีทางเห็นด้วยหรือทิศทางที่สอดคล้องกัน 100% ทั้งนี้เพราะทั้งสองพรรคหวังผลสัมฤทธิ์ในการทำงานหรือมีเป้าหมายของการทำงานที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

ไม่ว่ามีกี่เหตุผลที่ทำให้สองพรรคใหญ่จับมือทำงานร่วมกันไม่ได้ แต่เหตุผลหลักๆมีอยู่ข้อเดียวคือ “อุดมการณ์” ของทั้งสองพรรคนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

จริงอยู่ว่าในการเมืองมีวลีที่พูดกันว่า “ไม่มีมิตรและศัตรูที่ถาวร”  ซึ่งได้เกิดเหตุการณ์หลายกรณียืนยันวลีนี้แล้ว และทุกคนเข้าใจไปในทิศทางเดียวกันว่านักการเมืองคิดถึงเรื่องผลประโยชน์เป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นผลประโยชน์ในรูปของทรัพย์หรือผลประโยชน์ในรูปของอำนาจ

แต่ภาพลักษณ์ของทั้งสองพรรคที่ถูกสร้างขึ้นมาให้ประชาชนฝังใจเชื่อนั้นเป็นอุปสรรคสำคัญของการจับมือกันทำงานไม่ว่าจะในสถานะใด

หากไม่ใยดีต่อภาพลักษณ์เท่ากับยอมเสียมวลชนจำนวนมากที่สนับสนุนพรรคเพราะหลงเชื่อในภาพลักษณ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นจุดขายของทั้งสองพรรคการเมือง

การจับมือกันทำงานในฐานะพรรคการเมืองจึงไม่มีวันเกิดขึ้นได้

แต่การจับมือกันทำงานในนามส่วนบุคคลนั้นเกิดขึ้นได้ แต่บุคคลนั้นต้องไม่อยู่ในสีเสื้อของพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์

การโยกย้ายสังกัดจากพรรคหนึ่งไปอยู่กับอีกพรรคหนึ่งนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้และเคยเกิดขึ้นให้เห็นมาแล้วในหลายกรณี ถ้าบุคคลนั้นไม่ได้อยู่ในสถานะเป็นสัญลักษณ์ที่ชัดเจนต่อภาพลักษณ์ที่ทั้งสองพรรคสร้างขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น อดีตส.ส.เขต อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อที่โนเนมหรือพอมีชื่อบ้าง สามารถย้ายสังกัดได้อย่างไม่เคอะเขิน แต่ระดับบิ๊กเนมที่เป็นแกนนำหรือเป็นสัญลักษณ์ของพรรคนั้นการย้ายไปสังกัดพรรคตรงข้ามเป็นไปไม่ได้เลย

ถ้าระจับมือกันทำงานก็ต้องออกไปสร้างบ้านหลังใหม่ ซึ่งที่ผ่านมาก็พอมีให้เห็นมาบ้าง แต่โอกาสประสบความสำเร็จในสนามการเมืองก็เป็นไปได้ยาก

จึงไม่แปลกที่หลังข่าวการจับมือกับสกัดคสช.สืบต่ออำนาจออกมาเพียงวันเดียวจะมีคนของสองพรรคการเมืองพากันตบเท้ากันออกมาปฏิเสธ

โอกาสที่จะเห็นพรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ตั้งรัฐบาลจึงยากพอๆกับโอกาสที่จะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกเพราะภาพลักษณ์หรือจุดขายที่ทั้งสองพรรคสร้างขึ้นมามันค้ำคออยู่


You must be logged in to post a comment Login