วันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

ธ สถิตในดวงใจ

On October 13, 2017

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

ย้อนไปวันนี้เมื่อปีที่แล้ว (13 ต.ค.59) เป็นวันที่คนไทยทั้งชาติต่างร่ำไห้ หลังได้รับข่าวร้าย เมื่อ สำนักพระราชวังออกประกาศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทรสยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร สวรรคต

แถลงการณ์ระบุ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปประทับรักษาพระอาการประชวร ณ โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม พุทธศักราช 2557 ตามที่สำนักพระราชวังได้แถลงให้ทราบเป็นระยะแล้วนั้น

แม้คณะแพทย์ได้ถวายการรักษาอย่างใกล้ชิดจนสุดความสามารถ แต่พระอาการประชวรหาคลายไม่ ได้ทรุดหนักลงตามลำดับ ถึงวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2559 เวลา 15 นาฬิกา 52 นาที เสด็จสวรรคต ณ โรงพยาบาลศิริราช ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ 89 ทรงครองราชสมบัติได้ 70 ปี

แม้วันนี้ในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งคนไทยต่างพร้อมใจกันเรียกว่า “พ่อหลวง” เสด็จสวรรคตไปแล้ว 1 ปี แต่ “พ่อหลวง” ก็ไม่เคยจากคนไทยไปไหน ยังคงสถิตอยู่ในใจคนไทยทั้งประเทศอยู่ตลอดเวลา

ถ้าถามว่าทำไมคนไทยรักในหลวงรัชกาลที่ 9

ก็ต้องย้อนถามกลับว่าแล้วมีเหตุผลอะไรที่จะทำให้คนไทยไม่รักในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อตลอดระยะเวลาการครองสิริราชสมบัติ 70 ปี ซึ่งยาวนานที่สุดในโลก พระองค์ท่านได้ทรงทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้พสกนิกรของพระองค์มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริกว่า 4,000 โครงการ กระจายอยู่ทั่วประเทศ ครอบคลุมทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง น้ำเพื่อการเกษตร เรื่องการแก้ปัญหาคมนาคม เรื่องส่งเสริมอาชีพ การศึกษา แก้ปัญหาดินเปรี้ยวดินเค็มที่ไม่สามารถปลูกพืชผลทางการเกษตรได้ ฯลฯ

นอกจากนี้ ยังมีพระอัจฉริยภาพเป็นที่ประจักษ์ในทุกด้าน ทั้งด้านกีฬา ด้านการประดิษฐ์คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ จนได้ทั่วโลกต่างสดุดียกย่องพระองค์ว่าทรงเป็นกษัตริย์นักพัฒนา นักสร้างสรรค์ นักสร้างนวัตกรรม

สำคัญที่สุดคือในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นกษัตริย์ที่ไม่ถือพระองค์ ตลอดเวลาของการครองราชย์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทุกพื้นที่ในประเทศเพื่อพบปะราษฎรของพระองค์ ไต่ถามสารทุกข์สุขดิบ และนำสิ่งที่ราษฎรสะท้อนต่อพระเนตรพระกรรณกลับมาคิดวางแผนแก้ปัญหาเพื่อปัดเป่าทุกข์ให้แก่ราษฎร

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลังจากในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคต ประชาชนจากทั่วทุกสารทิศจะหลั่งไหลกันมาต่อคิวเพื่อเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง แม้จะต้องรอคิวเป็นเวลานาน ต้องตากแดดตากฝน แต่ประชาชนก็ไม่ย่อท้อ ขอแค่ได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพตามที่ได้ตั้งใจไว้

ตั้งแต่สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้ากราบสักการะพระบรมศพ จนปิดเมื่อวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา รวม 337 วัน มีประชาชนทั้งสิ้น 12,739,531 คน เฉพาะวันสุดท้ายมีมากถึง 110,889 คน มียอดเงินที่ประชาชนร่วมกันถวายเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลทั้งสิ้น 889,545,100.01 บาท

ในวันพฤหัสบดีที่ 26 ตุลาคม 2560 นี้ จะมีพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ประชาชนสามารถร่วมถวายดอกไม้จันทน์ได้ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ณ พระเมรุมาศจำลอง 85 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงซุ้มถวายดอกไม้จันทน์ในเขตกรุงเทพมหานคร 113 แห่ง วัดในเขตต่างๆ 50 เขต รวมถึงที่ว่าการอำเภอทุกแห่งทั่วประเทศ

ด้านการแต่งกายเข้าร่วมพิธีถวายดอกไม้จันทน์ สุภาพบุรุษ สวมเสื้อดำ เชิ้ตดำ กางเกงดำ ขายาว (งดยีนส์) รองเท้าสุภาพ หุ้มส้นสีดำ (สีดำเป็นหลัก) สุภาพสตรี สวมเสื้อดำ ไม่รัดรูป งดเสื้อแขนกุด หรือสายเดี่ยว กระโปรงยาวสีดำคลุมเข่า รองเท้าสุภาพ หุ้มส้นสีดำ (สีดำเป็นหลัก)

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน 1257 ศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัด หรือเข้าไปดูข้อมูลได้ที่ http://kingrama9.net/, https://www.facebook.com/informationcenter.for.kingrama9 และ www.kingrama9.th


You must be logged in to post a comment Login