วันอังคารที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

อำนาจใหม่! / โดย นายหัวดี

On October 6, 2017

คอลัมน์ : ฉุก(ละหุก)คิด

ผู้เขียน : นายหัวดี

เว็บไซต์ iLaw สรุปอำนาจและขั้นตอนการพิจารณาของ “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” หรือ “ศาลฎีกานักการเมือง” ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว หลักการใหญ่ยังเหมือนเดิม คือเมื่อมีการฟ้องคดีให้ประธานศาลฎีกาเรียกประชุมใหญ่ผู้พิพากษาศาลฎีกาทั้งหมด เพื่อเลือกผู้พิพากษา 9 คนเป็นองค์คณะคดี

ประชาชนทั่วไปไม่อาจเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีต่อ “ศาลฎีกานักการเมือง”  ได้ ผู้ที่มีอำนาจฟ้องคดี 2 องค์กร คือ “อัยการสูงสุด” หรือ “คณะกรรมการป.ป.ช.” เท่านั้น

ที่น่าสนใจคือตามมาตรา 42-44 เพิ่มอำนาจให้ “ศาลฎีกานักการเมือง” คือ มีอำนาจ “สั่งริบทรัพย์สิน”ได้ ไม่ว่าฝ่ายโจทก์จะขอให้ศาลสั่งริบหรือไม่ก็ตาม อาทิ ทรัพย์สินที่ใช้กระทำความผิด หรือได้มาจากการกระทำความผิด ทรัพย์สินที่ได้มาจากการทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ ฯลฯ

กฎหมายใหม่ให้จำเลยสามารถยื่น “อุทธรณ์” ได้ภายใน 30 วัน นับแต่มีคำพิพากษา ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเพื่อคัดเลือกผู้พิพากษาศาลฎีกาอีก 9 คนที่ไม่เคยตัดสินคดีนั้นเป็นผู้วินิจฉัยในชั้นอุทธรณ์ ส่วนคดีที่ตัดสินลงโทษ “ประหารชีวิต”หรือ“จำคุกตลอดชีวิต” ศาลต้องส่งเรื่องให้วินิจฉัยในชั้นอุทธรณ์อีกครั้งหนึ่งเสมอ

ส่วนจำเลยที่เป็นนักการเมือง หรือผู้มีอิทธิพล ซึ่งมีโอกาสที่จะหลบหนีได้มาก กฎหมายใหม่จึงเพิ่มเงื่อนไขมากมายเพื่อป้องกัน รวมถึงการพิจารณาลับหลังและไม่จำกัดอายุความ


You must be logged in to post a comment Login