วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2567

โสมขาวขู่สังหาร‘คิม จองอึน’

On September 22, 2017

สหรัฐและประเทศพันธมิตร พยายามกดดันเกาหลีเหนือ ให้ยุติโครงการพัฒนาขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์ ด้วยมาตรการหลายอย่าง แต่ล้มเหลวตลอดมา

การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจที่สหรัฐดำเนินการ รวมทั้งส่วนของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ดูจะได้ผลระดับหนึ่ง แต่ยังไม่สามารถทำให้เกาหลีเหนือ ภายใต้การนำของนายคิม จองอึน ยอมยกธงขาว ยุติโครงการพัฒนาขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์ได้

การเมินเฉยต่อเสียงเรียกร้องจากนานาชาติของโสมแดง อีกทั้งขู่เตรียมใช้อาวุธนิวเคลียร์โจมตีสหรัฐและประเทศพันธมิตร

ทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ถึงขั้นแถลงในที่ประชุมสหประชาชาติด้วยถ้อยคำ “ดิบๆ” ตรงไปตรงมาว่า จะทำลายเกาหลีเหนือให้ย่อยยับ หากเกาหลีเหนือโจมตีสหรัฐและประเทศพันธมิตรก่อน

ขณะเกาหลีใต้ก็ใช้ลูกขู่แรงเช่นกัน โดย พลเรือเอกซอง ยังมู รัฐมนตรีกลาโหม แจ้งที่ประชุมรัฐสภาว่า ได้มอบหมายให้กองทัพเรือ จัดตั้งหน่วยรบพิเศษจู่โจมเร็ว เพื่อเข้าไปปฏิบัติการในเกาหลีเหนือ กำหนดดำเนินการจัดตั้งแล้วเสร็จ พร้อมปฏิบัติการได้ปลายปีนี้

หน่วยรบพิเศษดังกล่าว ซึ่งได้รับความเห็นชอบให้จัดตั้งจากผู้นำประเทศ คือประธานาธิบดีมูน แจอิน เป็นหน่วยจู่โจมสังหารความเชี่ยวชาญสูง มีภารกิจลอบเข้าไปสังหารแกนนำเกาหลีเหนือ รวมทั้งนายคิม จองอึน เป็นงานหลัก

ความเคลื่อนไหวเชิงขู่ครั้งนี้ของเกาหลีใต้ ไม่ใช่ครั้งแรก โดยเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว เกาหลีใต้ก็ขู่จะส่งหน่วยจู่โจมพิเศษ เข้าไปลอบสังหารนายคิม จองอึน หลังเกาหลีเหนือทดลองระเบิดนิวเคลียร์

หน่วยข่าวกรองของเกาหลีใต้ระบุว่า การขู่ลอบสังหารครั้งนั้น ทำให้นายคิม จองอึน ระวังตัวเพิ่มขึ้น ใช้วิธีเดินทางด้วยรถของเจ้าหน้าที่ระดับสูงแทนรถส่วนตัว และมีการสับเปลี่ยนรถบ่อยครั้ง ป้องกันตกเป็นเป้าโจมตี

ต่อคำถามว่า การเตรียมลอบสังหารผู้นำประเทศ เป็นแผนสำคัญอย่างยิ่ง ทำไมเปิดเผยต่อสาธารณะล่วงหน้า เกาหลีใต้อธิบายว่า จุดประสงค์เบื้องต้น เพียงต้องการขู่ผู้นำโสมแดงด้วยหวังให้ยุติการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์

พลเอกชิน วอนซิค อดีตผู้กำหนดยุทธศาสตร์ของกองทัพเกาหลีใต้ ระบุว่า นอกจากการผลิตอาวุธนิวเคลียร์แข่งกับโสมแดงแล้ว กลยุทธ์นี้ถือเป็นวิธีดีที่สุดในการยับยั้งผู้นำโสมแดง

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เสียงข้างมากเชื่อว่า การขู่ครั้งนี้จะล้มเหลวไม่ต่างจากวิธีการอื่นที่เคยใช้มาก่อน และเป็นไปได้ว่าอาจแย่กว่านั้น

คืออาจกลายเป็นแรงกระตุ้น ทำให้เกาหลีเหนือเร่งพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์เพิ่มขึ้น


You must be logged in to post a comment Login