วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2567

ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย / โดย พจนา

On September 11, 2017

คอลัมน์ : โลกสุขภาพ

ผู้เขียน : พจนา

เป็นปัญหาสุขภาพระดับชาติของผู้ชายไทย เมื่อแพทย์ผู้เชี่ยวชาญออกมาให้ข้อมูลเรื่องสุขภาพ พบว่าชายไทยวัยกลางคนจำนวนไม่น้อยมีปัญหา “ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย” โดยตรวจพบว่าผู้ชายไทยเฉลี่ยอายุเริ่มตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป มีความเสี่ยงต่อภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย มีส่วนทำให้นกเขาไม่ขัน หมดอารมณ์ทางเพศ ส่งผลกระทบต่อปัญหาครอบครัวถึงขั้นหย่าร้าง และยังส่งผลระยะยาวต่อสุขภาพ ทำให้เกิดโรคร้ายต่างๆตามมา อาทิ โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ เป็นต้น

พ.ต.ท.นพ.สุรัติ กิตติศุภพร นพ.สบ.2 ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลตำรวจ กล่าวว่า ปัญหานกเขาไม่ขันถือเป็นปัญหาใหญ่สำหรับผู้ชาย เพราะนอกจากจะทำให้สูญเสียความมั่นใจแล้ว ยังเป็นสัญญาณเตือนภัยโรคร้ายต่างๆ โดยปัจจุบันตรวจพบว่าผู้ชายอายุเฉลี่ยเริ่มพบตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป มีความเสี่ยงต่อภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย โดยสังเกตง่ายๆดังนี้คือ 1.มีอาการคล้ายซึมเศร้า 2.นอนไม่หลับ 3.หงุดหงิดง่าย 4.อวัยวะเพศไม่แข็งตัว 5.อ้วนลงพุง ซึ่งสาเหตุหลักๆที่ทำให้เกิดโรคนี้คือ 1.ความเสื่อมของร่างกาย 2.ความเครียดจากการทำงาน 3.ปัญหาเรื่องสุขภาพ อาทิ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และ 4.ความผิดปรกติของต่อมใต้สมอง

สำหรับแนวทางการรักษาโรคนกเขาไม่ขันหรือภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชายจะรักษาไปตามขั้นตอนคือ แพทย์จะทำการเจาะเลือดเพื่อตรวจค่าฮอร์โมนเพศชาย ถ้าค่าฮอร์โมนมากกว่า 3.4 นาโนกรัม ถือว่าปรกติ แต่ถ้าต่ำกว่า 3.0 นาโนกรัม คือผิดปรกติ ต้องเข้ารับการรักษา หากปล่อยให้เรื้อรังจะส่งผลกระทบต่อปัญหาด้านสุขภาพคือ คนไข้จะมีความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดอุดตัน โรคกระดูกพรุน และโรคคล้ายซึมเศร้า

เมื่อตรวจฮอร์โมนแล้วแพทย์จะให้การรักษาโดย 1.ให้ยาปรับเพิ่มฮอร์โมนเพศชาย เมื่อปรับเพิ่มฮอร์โมนแล้วไม่ดีขึ้นก็เข้าสู่กระบวนการบำบัด โดยให้ยาในกลุ่ม Phosphodiesterase-5 inhibitors หรือไวอากร้า เพื่อรักษาโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ทำให้องคชาตแข็งตัวขึ้น 2.รักษาโดยการฉีดยาเข้าองคชาตก่อนมีเพศสัมพันธ์ จะช่วยให้อวัยวะเพศแข็งตัว แต่วิธีนี้ดูเป็นที่หวาดเสียวจนไม่ได้รับความนิยม และหากยังไม่ได้ผลแพทย์จะแนะนำวิธีสุดท้ายคือ 3.การฝังแกนเทียมในอวัยวะเพศ วิธีนี้เป็นวิธีที่หวาดเสียวที่สุด เจ็บตัวเยอะสุด การรักษาได้ผลดี แต่ราคาแพงมาก

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการรักษาโรคนกเขาไม่ขัน โดยนำเทคโนโลยี Shockwave หรือการใช้คลื่นเสียงที่มีความเข้มต่ำแบบแรงกระแทกจากภายนอกไปกระตุ้นบนอวัยวะเพศของผู้ป่วย ทำให้เกิดการสร้างหลอดเลือดฝอยใหม่เพิ่มขึ้นในอวัยวะเพศ และทำให้สิ่งที่เกาะตามเส้นเลือดเก่ากะเทาะหลุดออก เมื่อหลอดเลือดในอวัยวะเพศทำงานได้ดีขึ้น การตื่นตัวและการขยายของอวัยวะเพศจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น นับเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะผิดปรกติการแข็งตัวของอวัยวะเพศ เป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง ไม่ต้องเสี่ยงต่อผลข้างเคียงจากการรักษาด้วยการใช้ยาเหมือนอดีต

ด้านนายธีธัช เลาหบุญญ์ กรรมการบริหาร คลินิกเวชกรรมเลาหบุญญ์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นวัตกรรม “Shockwave Therapy” ถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1970 เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูง แรกเริ่มแพทย์ได้นำคลื่นเสียงช็อกเวฟมาใช้รักษาผู้ป่วยที่เป็นนิ่ว โดยนำคลื่นเสียงมายิงเพื่อสลายนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะและในไตเพื่อหลีกเลี่ยงการผ่าตัด ต่อมาวงการแพทย์ได้ประยุกต์โดยการนำคลื่นเสียงช็อกเวฟมาใช้ในการบำบัดความเจ็บปวดในกล้ามเนื้อ จนเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปถึงประสิทธิภาพในการบำบัดอาการปวด รวมถึงการรักษาอาการปวดจากการนั่งทำงานในออฟฟิศ ปัจจุบันวงการแพทย์เริ่มให้ความสนใจประยุกต์ใช้ในการรักษาโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ

นอกจากนี้เริ่มมีงานวิจัยที่นำคลื่นเสียงช็อกเวฟมาใช้ในการรักษาแผลที่เกิดจากเบาหวานที่ปรกติรักษายากและไม่หายจนต้องตัดมือ ตัดขา กันในอดีต เริ่มมีการนำคลื่นเสียงมายิงกระตุ้นที่แผลให้เกิดกระบวนการสร้างเส้นเลือดใหม่มาหล่อเลี้ยงแผล ซึ่งแผลที่มีเส้นเลือดใหม่มาหล่อเลี้ยงจะมีสภาพที่ดีขึ้น เนื้อใหม่ๆจะเริ่มเกิดขึ้นแทนเนื้อเก่าที่ตายแล้ว แผลจึงมีโอกาสหายได้ เป็นการลดโอกาสที่ผู้ป่วยเบาหวานต้องถูกตัดอวัยวะของร่างกายจนกลายสภาพเป็นคนพิการ ปัจจุบันประเทศไทยมีโรงพยาบาลเพียงไม่กี่แห่งที่นำเครื่องมือชนิดนี้มาใช้ในการรักษาโรคดังกล่าว


You must be logged in to post a comment Login