วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567

เผด็จการรัฐสภา / โดย Pegasus

On June 12, 2017

คอลัมน์ : เพื่อชาติประชาชน
ผู้เขียน : Pegasus

นักการเมืองใหญ่บอกว่ายังไม่ต้องคำนึงถึงเสียงของพรรคการเมือง เพราะแค่มีสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) แต่งตั้ง 250 คนสนับสนุน ก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลที่มีนายกรัฐมนตรีคนนอกได้แล้ว ซึ่งเป็นความจริง เพราะรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ออกกฎหมายเพื่อให้เสียงของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เป็นแค่ไม้ประดับ

จึงไม่แปลกหาก ส.ว.แต่งตั้งชุดปัจจุบันอีกส่วนหนึ่งจะไปอยู่ในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเพื่อคอยกำกับรัฐบาลหลังการเลือกตั้งไม่ให้บริหารนอกกรอบที่กำหนดไว้ ขณะที่ฝ่ายรัฐสภาก็จะถูกควบคุมให้อยู่ในทิศทางเดียวกันโดยคนกลุ่มเดียวกัน

พรรคการเมืองที่สนับสนุนฝ่ายเผด็จการจะเข้ามาเป็นไม้ประดับและมีตำแหน่งทางการเมืองเพื่อทำมาหากินกันตามปรกติต่อไป โดยทำหน้าที่หลักไม่ให้เกิดการตรวจสอบจากตัวแทนของประชาชน เพื่อไม่ให้ถูกชี้หน้าว่าทุจริตคดโกงหรือซื้อเสียง อำนาจทางการเมืองจะอยู่ในกลุ่มที่สนับสนุนทหาร ซึ่งมีการแบ่งปันผลประโยชน์ต่างๆกันอย่างลงตัว

นั่นคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่อเนื่องไปอีกยาวนาน แต่ถ้าอยากทราบว่าจะเกิดผลกระทบอะไรกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทุกคนก็ให้เอาสถานการณ์ขณะนี้ไปพิจารณาดูว่ามีการใช้อำนาจบังคับไล่ที่อยู่อาศัย บังคับเรื่องที่ทำมาหากิน หรือต้องเช่าที่ทำกินในที่ดินที่เคยเป็นของปู่ย่าตายายมานาน

ลักษณะแบบนี้คือการที่รัฐและคนของรัฐมีอำนาจเหนือประชาชน โดยตัวแทนของประชาชนในรัฐสภาแทบไม่มีปากมีเสียง อย่างมากก็ให้สัมภาษณ์ตามสื่อเท่านั้น แต่จะไม่มีใครฟัง ดังนั้น หากหลังการเลือกตั้งจะมีนายกฯคนนอก มีรัฐสภาที่มาจากกลุ่มข้าราชการและผู้สนับสนุนฝ่ายเผด็จการขึ้นมาบริหารบ้านเมือง งบประมาณการใช้จ่ายต่างๆส่วนใหญ่จะใช้เพื่อข้าราชการและโครงการก่อสร้างต่างๆที่จะต้องผ่านข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งต่างก็จะได้ผลประโยชน์ ทำให้มีความภักดีต่อรัฐบาลใหม่

ประชาชนที่ยากจนจะยังอยู่ด้วยความลำบาก ไม่มีรายได้ ไม่มีเงินรักษาเวลาเจ็บป่วย ไม่มีเงินส่งลูกเรียน ต้องกู้เงินเพื่อทำมาหากินหรือทำการผลิต ขณะที่ต้นทุนการผลิตต่างๆสูงขึ้น แต่ตลาดก็ไม่มีความแน่นอน ขณะที่รัฐก็จะเก็บภาษีเพิ่มขึ้นเพราะไม่มีรายได้ ประชาชนไม่สามารถร้องตรวจสอบอะไรได้

บรรดาแรงงานต่างๆก็จะตกงานเพราะโรงงานย้ายฐานการผลิตออกไป หรือมีแรงงานต่างชาติมาทดแทน ค่าแรงของแรงงานไทยถูกกดให้ต่ำ การคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆก็ไม่มี เพราะระบบการปกครอง ระบบการศึกษา เน้นการบังคับให้เชื่อฟังมากกว่าที่จะคิดเป็น ในระยะยาวเมื่อระบอบเผด็จการยังอยู่ ประชาชนและประเทศก็ยากที่จะหลุดพ้นจากภาวะความยากจน

ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนคือการนำการฝึกแบบทหารมาใช้กับเด็กและเยาวชน รวมถึงวงการแพทย์ เพราะกลุ่มผู้มีอำนาจเชื่อว่าการนำวิธีการปกครองแบบทหารมาใช้จะทำให้ปกครองประเทศได้ง่ายขึ้น ขณะที่ผู้บริหารในระบบการศึกษาก็เห็นชอบและให้ความร่วมมือ เพราะต่างได้ผลประโยชน์ร่วมกัน

บ้านเมืองในอนาคตจะเห็น “เผด็จการรัฐสภา” ที่มาจากรัฐบาลและระบบราชการ จะตั้งใจหรือไม่ก็ตามก็จะส่งผลกระทบถึงการเมือง เศรษฐกิจ และระบบการผลิต ซึ่งจะมีผลถึงการทำมาหากินและการค้าขายทั้งประชาชนในประเทศและต่างประเทศ สุดท้ายประเทศก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากความยากจนได้ คนรวยก็จะรวยอยู่ในคนไม่กี่กลุ่ม ความเหลื่อมล้ำจะยิ่งมีมาก ความไม่เป็นธรรมก็มากขึ้น ความยากจนจะแผ่กระจายไปทั่ว ความทุกข์ยากลำบากก็จะยังอยู่ในสังคมไทยไปชั่วลูกชั่วหลาน

แม้จะได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและมีนโยบายที่จะพัฒนาประเทศ แต่ก็ไม่สามารถบริหารได้ตามที่ตั้งใจเพราะต้องอยู่ภายใต้กลุ่มอำนาจที่สืบทอดอำนาจจากระบอบเผด็จการ สถานการณ์ต่างๆจึงยังไม่ดีขึ้น การใช้อำนาจยังมีมากขึ้น การขูดรีดภาษียังเป็นไปอย่างเข้มข้น เพราะรัฐขาดรายได้จากเศรษฐกิจที่เจริญเติบโต ประชาชนลำบากทั้งการทำมาหากินแล้วยังถูกขูดรีดภาษีอีก รายได้ที่เข้ามาก็ยังต้องขายของเก่าคือการท่องเที่ยวหรือขายที่ดินและทรัพยากรให้กับต่างชาติ

อนาคตประเทศจะรุ่งเรืองหรือมืดมนจึงไม่มีคำตอบชัดเจน แต่ที่แน่ๆคือจะเกิด “เผด็จการรัฐสภา” ซึ่งจะเป็นต้นตอของปัญหาทางการเมืองและความทุกข์ยากของประชาชน และจะมีสภาพไม่ต่างกับเมียนมาก่อนเกิดการเปลี่ยนแปลง


You must be logged in to post a comment Login