วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

เผด็จการ‘คุมสื่อ’! / โดย สนานจิตต์ บางสพาน

On May 8, 2017

คอลัมน์ : สากกะเบือยันเรือรบ
ผู้เขียน : สนานจิตต์ บางสพาน

ร่าง พ.ร.บ.คุมสื่อที่เปิดหน้าใส่กันขณะนี้ เอาง่ายๆสั้นๆ ถ้าผ่านออกมาใช้ก็บัดซบเต็มที

โดยหลักการสื่อทุกประเภท ถ้ายอมพวกคุณก็ไม่ต่างไปจาก “โสเภณี” ที่โดนแมงดายำจนยับเยิน ประมาณ “ทดสอบคุณภาพ” เสร็จแล้วถึงปล่อยให้รับแขก เอดส์จะกิน หนองจะมาก็เรื่องของพวกคุณ เพราะอาชีพแมงดาคืออาชีพที่หากินกับ “น้ำหล่อลื่น” ของหญิงสาวด้อยโอกาสเหล่านั้น ที่สำคัญยังมีไอ้พวกตัณหากลับชอบเด็ก เหมือนพวกข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่เป็นข่าวทั้งพลเรือนและคนในเครื่องแบบ

ที่น่าทุเรศ สมเพช และขยะแขยงที่สุดคือ พวกสื่อรุ่นอาวุโส รุ่นใหญ่ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ ไปทำงานรับใช้เพื่อเงิน ไร้สำนึก ไร้ความรับผิดชอบ และไร้ความกล้าหาญ แม้จะออกมาแถข้างๆคูๆ พูดแบบประนีประนอม แบบนักการเมืองที่เคยด่าพ่อล่อแม่เขามาแล้ว แต่กลับสรรเสริญยกย่อง “เครื่องแบบและปืน” อย่างออกนอกหน้า แห่แหน เชียร์ กวักมือเรียก

พอเกิดกรณีอย่างนี้ก็ส่อสันดานและวิธีคิดแบบเอาแต่ได้ เงิน อำนาจ ชื่อเสียงจากอำนาจรัฐ ที่เขาประเคนให้ ขณะเดียวกันยังอยากเอา “หาง” แหย่น้ำไว้ว่ายังมีสถานภาพสื่อ กลัวตกเวที กลัวถูกประณาม และกลัวเสียฟอร์ม

ขอให้รู้ว่าพวกคุณที่ไปลากจูงเผด็จการเข้ามา แล้วยังมีน้ำหน้าพูดเรื่อง “กฎหมายคุมสื่อ” เพื่อจับสื่อตีตรา ถึงขั้นส่งข้าราชการมาเป็น “บอร์ดบริหาร” กำกับสื่อ อย่างนี้มันตอแหล หน้าด้าน และไร้ยางอาย

แก้ผ้าให้เขาแล้วจะมาโวยวายเรียกร้องสิทธิอะไร เขาใช้วิธี “ลงแขก” พวกคุณเป็นหมู่คณะ ไม่ได้ทำคนเดียว โดยพวกคุณก็เต็มใจ ก็พวกรุ่นใหญ่ทั้งหลายนั่นแหละที่สร้างตัวสร้างชื่อเสียงจนประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะพวกสื่อยักษ์ทั้งหลาย

วันนี้พวกคุณกลายเป็นพวกที่ “เห็นแก่ตัว” เอาแต่ได้ เป็นพวก “ตีสองหน้า” ที่ไปนั่งหน้าสลอนทำสัญลักษณ์ต่อต้าน “กฎหมายคุมสื่อ” โคตรตลก มุกแป้ก ห่วยยิ่งกว่าตลก “หลวงพี่แจ๊ส ปานตะเกียง”

กว่าครึ่งของบรรดาสื่อที่ไปนั่งยกมือหน้าสลอนนั้นล้วนแต่เป็นพวกด่าทอรัฐบาลเลือกตั้ง โดยเฉพาะรัฐบาลทักษิณที่พวกคุณกลัวและก้าวไม่ข้าม

วันนี้กลุ่มอำนาจที่พวกคุณเชลียร์หันมาเล่นงานคนในวิชาชีพของคุณ แต่พวกคุณทำเป็นดีดดิ้นร้องกระจองอแงเหมือนเด็กดูดหัวแม่มือเวลาหิวนม

พูดกันจริงๆ ถ้ารัฏฐาธิปัตย์อยากออกกฎหมายฉบับนี้ก็เอาเลย ออกมาเลย แล้ว “วัด” กันว่าจะไปรอดมั้ย จะไปได้สักกี่น้ำ

ประโยคเด็ดของ “ผู้กองเหลิม” ที่เร้นกายหายไปแล้ว ยังแน่นอนเสมอคือ “ความกลัวทำให้เสื่อม” ทุกวันนี้ความกลัวกำลังแผ่กระจายไปทั่วสังคมไทย กลัวแม้กระทั่ง “หมุดคณะราษฎร” กลัวอาจารย์วรเจตน์ ภาคีรัตน์ จะได้เป็น “ศาสตราจารย์” กลัวหลวงตาช่วง กลัวหลวงเพ่นะจ๊ะ

ใครไม่เคยดู Cape Fear ของ “มาร์ติน สกอร์เซซี่” ให้ไปหามาดู แล้วดู “ฉากจบ” ว่ากระโดดพ้น “ความกลัว” หรือไม่ และจะได้คำตอบ “ตายเป็นตาย”

เชื่อหัวไอ้เตี้ยสิ เราจะได้เห็นกันเร็วๆนี้แหละ…ฮา


You must be logged in to post a comment Login