วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

ฝนตั้งเค้าอีกแล้ว / โดย สมศักดิ์ ไม้พรต

On April 24, 2017

คอลัมน์ : จับกระแสการเมือง
ผู้เขียน : สมศักดิ์ ไม้พรต

การเมืองหลังสงกรานต์กลับมาร้อนแรงแน่นอน

นอกจากเรื่องการหายไปของ “หมุดคณะราษฎร” ที่ฝ่ายรัฐต้องให้ความกระจ่างกับประชาชนแล้ว เรื่องการเดินตามโรดแม็พเพื่อไปสู่การเลือกตั้งก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน

เวลาจากนี้ของโรดแม็พคือการจัดทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญหรือที่เรียกกันว่ากฎหมายลูก

ในวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นหัวเรือใหญ่ ได้ส่งร่างกฎหมายลูกให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาแล้ว 2 ฉบับ

ทั้ง 2 ฉบับคือ ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง และร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง

ร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับมีเสียงคัดค้านพอสมควร

ในส่วนของร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง คณะกรรมการการเลือกตั้งไม่เห็นด้วยอยู่หลายประเด็น แต่ด้วยความเป็นองค์กรอิสระ แม้จะไม่เห็นด้วยแต่เสียงคงไม่ดังเท่าความไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง

กรธ. ยืนยันว่าร่างกฎหมายที่จะส่งต่อ สนช. ในประเด็นที่พรรคการเมือง นักการเมือง ไม่เห็นด้วยสามารถปรับแก้ไขได้ แต่ต้องไม่แตะหลักการของกฎหมายที่ กรธ. เขียนเอาไว้

แน่นอนว่าฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยนอกจากพรรคการเมือง นักการเมืองแล้ว ก็มี สนช. บางส่วนที่ส่ายหน้ากับร่างกฎหมายฉบับนี้ของ กรธ.

กรธ. ยืนยันว่าหากจะมีการปรับแก้รายละเอียดต้องคำนึงถึงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ รวมถึงการแก้ไขนั้นจะทำให้ขัดกับรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่ และหาก สนช. แก้ไขแล้วมีปัญหา หรือทำให้เสียเวลา หรือเวลายืดเยื้อออกไป สนช. ต้องรับผิดชอบ

อ่านมาถึงตรงนี้พอจะมองเห็นประเด็นหรือไม่

ใช่แล้ว! ประเด็นก็คือเริ่มมีเค้าลางบอกเหตุว่าจะมีความขัดแย้งในการพิจารณากฎหมายในที่ประชุม สนช.

ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งกันด้วยหลักการและเหตุผล หรือขัดแย้งกันไปตามบทบาทหน้าที่ที่ได้รับมา แต่ความขัดแย้งในการพิจารณาร่างกฎหมายลูกในที่ประชุม สนช. จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

เมื่อเกิดความขัดแย้งในการพิจารณากฎหมายลูก อะไรจะเกิดขึ้นตามมาคงเดากันได้ไม่ยาก

ก่อนหน้านี้มีนักวิชาการ นักการเมืองหลายคน ออกมาพูดดักทางเอาไว้ว่า อาจเกิดอภินิหารในที่ประชุม สนช. โหวตคว่ำร่างกฎหมายลูกที่ กรธ. ส่งไปให้พิจารณาเรื่องกลับมายกร่างกันใหม่

ตีกลับไปกลับมาเพื่อยื้อเวลาเลือกตั้งออกไป

เกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้แต่นายมีชัยยังไม่การันตีให้ประชาชนสบายใจได้ว่า สนช. จะไม่คว่ำร่างกฎหมายลูก

ตามหลักการแล้วนายมีชัยจะการันตีเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะอยู่นอกเหนืออำนาจหน้าที่ เนื่องจากนายมีชัยเป็น กรธ. มีหน้าที่เขียนร่างกฎหมายลูก ส่วนการพิจารณาเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบเป็นของ สนช.

แต่ต้องไม่ลืมว่านายมีชัยเป็นหนึ่งในคลังสมองของฝ่ายคุมอำนาจ สามารถให้คำปรึกษา เสนอแนะแนวทางต่อผู้มีอำนาจได้

หากคิดว่าดี ใช่ ส่งสัญญาณให้ผู้มีอำนาจตีธงเกี่ยวกับร่างกฎหมายลูกได้ไม่ยาก

“เป็นความทุกข์ของคนที่คิดมาก พอเมียตั้งท้องก็กลัวว่าจะแท้งหรือไม่แท้ง ทั้งที่ต้องคิดว่าลูกออกมาจะน่ารักอย่างไร โอกาสที่จะไม่แท้งใครก็รับรองไม่ได้ เพียงแต่ว่าปรกติก็ไปตามวิถีของมัน และเราก็พยายามที่จะพูดคุยกับ สนช. ซึ่งเขาก็ตั้งกรรมการรองรับ กรธ. ก็ค่อยรับฟังว่าเรื่องไหนที่จะขัดกับรัฐธรรมนูญเราก็แก้ให้ และเรื่องไหนที่มีใจความสำคัญเราก็ไปอธิบายให้เขาฟัง ซึ่งเราก็ทำงานประสานกันมาโดยตลอดอยู่แล้ว แต่จะไปรับประกันว่าจะไม่เกิดอะไรนั้นก็คงยาก หากกฎหมายลูกไปคว่ำตอนเลย 8 เดือนไปแล้ว และหาก กรธ. ต้องทำอีกก็ยังต้องอยู่ต่อ”

เป็นตอนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ที่นายมีชัยพูดกับบรรดาผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ตามกรอบเวลาแล้วเมื่อ สนช. ได้รับร่างกฎหมายลูกจาก กรธ. จะต้องพิจารณาให้เสร็จสิ้นภายใน 60 วัน

หากฟังตามที่นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิก สนช. ในฐานะโฆษกคณะกรรมการพิจารณาศึกษาร่าง พ.ร.บ.พรรคการเมือง ที่บอกว่าร่างกฎหมายที่ กรธ. จะเสนอมาสอดคล้องกับที่ศึกษาไว้ประมาณ 70%

หมายความว่ามีเนื้อหา 30% ที่จำเป็นต้องปรับแก้

ประเด็นคือเนื้อหาที่จำเป็นต้องปรับแก้นั้นเป็นการแก้หลักการของกฎหมายที่ กรธ. เขียนมาหรือไม่ หากแก้หลักการก็จะมีปัญหาขึ้นมาได้

นอกจากนี้ในการปรับแก้ยังต้องดูอีกว่ามีอะไรไปขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญใหม่ที่ประกาศใช้หรือไม่

หากพิจารณาตามนี้จะเห็นว่ามีระเบิดเวลาหลายลูกที่สามารถทำให้ร่างกฎหมายลูกคว่ำในชั้นการพิจารณาของ สนช. ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกรอบเวลาที่กำหนดไว้ 60 วัน การแก้ไขหลักการของร่างกฎหมาย และหลักการของรัฐธรรมนูญ

แม้นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. จะออกมาพูดในทำนองว่า อย่ามโนว่า สนช. จะคว่ำกฎหมายลูกเพื่อยื้อการเลือกตั้งออกไป แต่ก็คงให้หลักประกัน 100% ไม่ได้ว่าร่างกฎหมายลูกจะผ่านการพิจารณาออกมาบังคับใช้

กรณีนี้สังคมเคยมีบทเรียนมาแล้วจากร่างรัฐธรรมนูญฉบับของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ที่ตอนมีข่าวว่าที่ประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญเพื่อให้รัฐบาลทหาร คสช. อยู่ต่อ ก็มีคนออกมาเถียงคอเป็นเอ็นว่าไม่มี เป็นไปไม่ได้

แต่สุดท้ายการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญในที่ประชุม สปช. ก็เกิดขึ้นจริง

ฝนแห่งอำนาจตั้งเค้าอีกแล้ว หนังม้วนเก่าจะถูกนำกลับมาฉายอีกหรือไม่ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจ (ตัวจริง) จะตัดสินใจ

ในการพิจารณาร่างกฎหมายลูกนั้น สนช. รู้บทบาทหน้าที่ของตัวเองดีอยู่แล้ว


You must be logged in to post a comment Login