วันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

เสรีภาพกับศีลธรรม / โดย สุรพศ ทวีศักดิ์

On April 17, 2017

คอลัมน์ : ทรรศนะแสงสว่าง
ผู้เขียน : สุรพศ ทวีศักดิ์

เห็นการถกเถียงในโลกโซเชียลมักมีคนแสดงออกว่าปกป้อง “สิทธิ เสรีภาพ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” จากคำด่าหรือคำที่ตนเองมองว่ามีความหมายในทางดูถูกเหยียดหยาม พร้อมๆกับเห็นว่าควรเอาผิดทางกฎหมายกับคนที่ใช้คำพูดหรือเขียนแบบนั้น

เป็นความจริงว่าแนวคิดเรื่อง “สิทธิ เสรีภาพ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” ในกรอบสิทธิมนุษยชนและเสรีประชาธิปไตยเป็น “แนวคิดเสรีนิยม” (liberalism) คำถามสำคัญมีว่า คนที่กำลังแสดงออกว่าตนเองเป็น “นักเสรีนิยม” ที่ต้องการปกป้องสิทธิ เสรีภาพ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ จากคำด่าหรือคำที่ตนเองมองว่ามีความหมายในทางดูถูกเหยียดหยามและควรเอาผิดทางกฎหมายกับคนที่ใช้คำเช่นนั้น พวกเขาเป็นนักเสรีนิยมจริงหรือไม่ หรือปกป้องหลักการแบบเสรีนิยมจริงหรือไม่

เพื่อตอบคำถามนี้ ผมขอคัด “แนวคิดเสรีนิยม” จากหนังสือ “ปรัชญาสาธารณะ-Public Philosophy” ของไมเคิล แซนเดล หน้า 368 มาให้อ่านดังนี้

“…ไม่มีทางที่เฮตสปีชใดๆจะเป็นอันตรายในตัวของมันเอง เพราะเสรีนิยมมองว่าความนับถือสูงสุดคือความนับถือในตัวเอง อันเป็นตัวตนที่เป็นเอกเทศจากเป้าหมายและพันธะผูกพันทั้งมวล สำหรับตัวตนที่ไร้พันธะผูกพัน รากฐานของความนับถือตนเองมาก่อนพันธะและข้อผูกพันใดๆทั้งมวล ฉะนั้นคำพูดดูหมิ่นเหยียดหยาม “คนของผม” จึงมิอาจเอื้อมถึง ดังนั้น นักเสรีนิยมจึงต่อต้านการจำกัดเฮตสปีช ยกเว้นกรณีที่น่าจะก่อให้เกิดความรุนแรงทางกายภาพจริงๆ…”

ที่ว่าความนับถือสูงสุดคือ “ความนับถือในตัวเอง” หมายถึงความนับถือใน “ความเป็นมนุษย์” ของตัวเอง ความเป็นมนุษย์ของเราย่อมเป็น “เอกเทศ” หรือเป็นอิสระจากสถานภาพทางสังคม เป้าหมาย และข้อผูกพันทั้งมวล เพราะความเป็นมนุษย์คือ “ความเป็นปัจเจกบุคคลที่มีเจตจำนงอิสระ มีสิทธิ อำนาจเป็นของตนเอง” ความเป็นมนุษย์ในความหมายนี้จึงมีภาวะนามธรรมที่มีคุณค่าในตัวเอง

การนับถือความเป็นมนุษย์ของตัวเองคือปกป้องความเป็นปัจเจกบุคคลที่มีเจตจำนงอิสระ มีสิทธิ อำนาจเป็นของตนเองจากการถูกละเมิด แต่คำพูดดูถูกเหยียดหยาดหรือเฮตสปีชโดยตัวของมันเองย่อมไม่สามารถจำกัดหรือทำลายความเป็นปัจเจกบุคคลที่มีเจตจำนงอิสระ มีสิทธิ อำนาจเป็นของตัวเองได้ เช่น ต่อให้มีใครใช้เฮตสปีชหรือคำด่า คำดูถูกเหยียดหยามใดๆกับเรา ก็ไม่ทำให้เราสูญเสียความนับถือตัวเอง หรือสูญเสียความเป็นมนุษย์ในฐานะเป็นปัจเจกบุคคลที่มีเจตจำนงอิสระ มีสิทธิ อำนาจเป็นของตนเองไปได้

แปลว่าเฮตสปีชโดยตัวมันเองทำอันตรายต่อสิทธิ เสรีภาพ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของเราไม่ได้ ยกเว้นเฮตสปีชที่อาจก่อให้เกิดความรุนแรงทางกายภาพ เช่น การพูดปลุกเร้าความรุนแรงหรือชักชวนกันไปปาระเบิด หรือเผาบ้านของบางคน เป็นต้น ตามแนวคิดเสรีนิยม เฮตสปีชที่อาจก่อให้เกิดความรุนแรงเท่านั้นจึงควรถูกจำกัดโดยกฎหมายหรือเอาผิดทางกฎหมายได้

ถามว่า คำด่า คำดูถูกเหยียดหยาม เฮตสปีช “ผิด” หรือไม่? คำตอบคือ “ผิด” แต่เป็นความผิดทางมารยาทและศีลธรรมเท่านั้น หากไม่เป็นการ “ละเมิดสิทธิ” คนอื่นก็ย่อมไม่ผิดกฎหมาย เช่น การดื่มเหล้าผิดศีลธรรมทางศาสนา แต่ถ้าไม่เมาแล้วขับรถที่อาจเป็นเหตุก่ออันตรายแก่ผู้อื่นย่อมไม่ผิดกฎหมาย เป็นต้น

การแก้ปัญหาเฮตสปีชจึงต้องแก้ในระดับมารยาทและศีลธรรม เช่น ถ้ามีการใช้เฮตสปีชก็ควรวิจารณ์ตักเตือนกัน หรือใช้ “กระบวนการขัดเกลาทางสังคม” ที่ช่วยทำให้คนมีมารยาท มีศีลธรรมในการพูดมากขึ้น เป็นต้น แต่จะใช้อำนาจรัฐหรือกฎหมายลงโทษ “การทำผิดด้วยคำพูด” หรือ “ข้อความที่เป็นเฮตสปีช” ไม่ได้ เพราะลำพังเพียงคำพูดหรือข้อความที่เป็นเฮตสปีชละเมิดสิทธิของคนอื่นไม่ได้ จริงอยู่อาจทำให้คนอื่นไม่พอใจหรือโกรธ แต่จะอ้างความไม่พอใจหรือโกรธเพื่อใช้อำนาจรัฐลงโทษไม่ได้ ยกเว้นเฉพาะเฮตสปีชที่อาจก่อความรุนแรงทางกายภาพเท่านั้น

นักคิดเสรีนิยมคิดเช่นนี้เพราะเชื่อใน “การแสดงออกโดยเสรี” (free speech) จึงให้ความสำคัญสูงสุดกับเสรีภาพ ถือว่าเสรีภาพคือ “พื้นที่ของการเติบโต” เมื่อมนุษย์มีเสรีภาพในการพูดหรือการแสดงออก มนุษย์อาจใช้คำพูดถูกบ้างผิดบ้างในทางมารยาท จริยธรรม แต่นั่นย่อมอยู่ในขอบเขตที่มนุษย์สามารถแก้ไขให้ดีขึ้นได้ด้วยการวิจารณ์ตักเตือน หรือใช้กระบวนการขัดเกลาทางสังคม ไม่ใช่จับคนที่ทำผิดด้วยคำพูดไปขังคุก ตราบใดที่ไม่ก่ออันตรายทางกายภาพแก่คนอื่น

หลายปีมานี้เราเห็นคนติดคุกคนแล้วคนเล่า บางคนตายในคุก บางคนเป็นเด็กหนุ่มที่กำลังจะเรียนจบ แต่ต้องหมดอนาคตเพราะไม่รู้ชะตากรรมว่าจะติดคุกนานเท่าใด หลายคนต้องหนีออกนอกประเทศโดยไม่รู้ว่าจะมีโอกาสกลับมาตุภูมิหรือไม่ เพียงเพราะพวกเขาถูกกล่าวหาว่า “ทำผิดด้วยคำพูดหรือข้อความ” การลงโทษด้วยกฎหมายจึงเท่ากับ “ความเป็นมนุษย์” ของพวกเขาถูกละเมิดอย่างรุนแรง เพราะไม่สามารถจะใช้เจตจำนงอิสระของตนเองในการดำเนินชีวิตอย่างปรกติได้ และไม่สามารถจะมีสิทธิ อำนาจของตัวเองอย่างคนที่มีอิสรภาพทั่วไป

เมื่อเสรีนิยมถือว่าคุณค่าของ “ความเป็นมนุษย์” เป็นสิ่งสำคัญสูงสุด จึงไม่ยอมรับการจับคนที่ถูกกล่าวหาว่าทำผิดด้วยคำพูดหรือข้อความติดคุก เพราะโดยตัวของมันเองย่อมไม่สามารถทำลายความเป็นมนุษย์ของใครได้ ฉะนั้นคนที่ใช้คำพูดหรือข้อความจึงไม่ควรถูกลงโทษทางกฎหมายที่ทำให้ความเป็นมนุษย์ของเขาถูกละเมิด ยกเว้นก่อให้เกิดอันตรายทางกายภาพแก่ผู้อื่น

พูดอีกอย่างว่า การทำผิดด้วยคำพูดที่ถือว่าเป็นเฮตสปีชย่อมเป็นความผิดระดับมารยาทและศีลธรรม ไม่ใช่ความผิดที่ขัดหลักเสรีภาพในการแสดงออก จึงไม่ควรถูกลงโทษโดยอำนาจรัฐหรือกฎหมาย


You must be logged in to post a comment Login