วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2567

ตื่นกลัวสงครามโลก / โดย ณ สันมหาพล

On April 17, 2017

คอลัมน์ : โลกไม่หยุดนิ่ง
ผู้เขียน : ณ สันมหาพล

เกิดการตื่นกลัวการเกิดสงครามโลกแบบไม่ได้ตั้งใจหรือโดยบังเอิญ หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ ในฐานะผู้นำชาตินิยมที่ชอบชูความเป็นใหญ่และความเป็นเลิศของสหรัฐ

ไม่มีใครปฏิเสธความเกรียงไกรของกองทัพและอาวุธยุทโธปกรณ์ของสหรัฐ การแสดงท่าทีของทรัมป์ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวคึกคักในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ รวมทั้งการให้ความสำคัญกับอาวุธนิวเคลียร์อีกครั้ง

โดยเฉพาะเหตุการณ์เชื่อมโยงต่างๆ เมื่อทรัมป์ใช้อำนาจสั่งให้กองทัพสหรัฐยิงขีปนาวุธโจมตีซีเรีย เป้าหมายคือฐานทัพอากาศ หลังจากซีเรียปฏิบัติการโจมตีเมืองที่ฝ่ายกบฏยึดครองโดยใช้อาวุธเคมี ซึ่งเป็นอาวุธต้องห้ามของโลก ทำให้ประชาชนเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายร้อยคน ในจำนวนนี้มีเด็กด้วยไม่น้อย

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้นำสูงสุดของสหรัฐจะสั่งให้ยิงขีปนาวุธเพื่อทำลายฐานที่มั่นของศัตรู สมัยประธานาธิบดีบิล คลินตัน ในปี 2541 หลังสถานทูตอเมริกัน 2 แห่งในแอฟริกาตะวันออกถูกกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์ระเบิดฆ่าตัวตายบุกโจมตี คลินตันสั่งให้ยิงขีปนาวุธโจมตีการประชุมของกลุ่มอัลกออิดะห์ในอัฟกานิสถาน และโจมตีโรงงานในซูดานที่สงสัยว่ามีส่วนพัวพันในการผลิตอาวุธเคมี

ทำให้นักสังเกตการณ์แปลกใจในกรณีทรัมป์ เนื่องจากทราบดีว่าทรัมป์ไม่เห็นด้วยกับการปฏิบัติการโจมตีในลักษณะดังกล่าว ยิ่งกรณีซีเรีย ทรัมป์ไม่เห็นด้วยกับการที่สหรัฐเข้าไปพัวพันทางทหาร ซึ่งเมื่อ 3 ปีที่แล้วตอนที่ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด สั่งให้กองกำลังใช้แก๊สพิษโจมตีพื้นที่ใกล้กรุงดามัสกัส ทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 1,000 คน ซึ่งประธานาธิบดีบารัค โอบามา ประณามการกระทำดังกล่าวว่าล้ำเส้นและต้องสั่งสอน ครั้งนั้นทรัมป์ได้ทวีตข้อความไม่ให้โอบามาทำเช่นนั้น โชคดีที่โอบามาไม่ต้องสั่งโจมตี เนื่องจากรัสเซียได้เข้าไปช่วยไกล่เกลี่ยจนอัล-อัสซาดยอมทำลายคลังอาวุธเคมี แต่คงไม่หมดจึงมีการนำมาใช้ครั้งล่าสุดนี้

มีการวิเคราะห์กันว่าทำไมทรัมป์ถึงสั่งโจมตีซีเรียด้วยขีปนาวุธ แต่คงไม่ใช่การหาทางยุติการฆ่าและการนองเลือดตามที่ทรัมป์อ้าง เพราะการใช้ความรุนแรงโจมตีไม่เคยทำให้เกิดผลดีกับสหรัฐ ตรงข้ามกลับทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้นดังสถานการณ์ในตะวันออกกลางและยุโรปขณะนี้

เชื่อว่าทรัมป์ตัดสินใจให้ยิงขีปนาวุธเอง เพราะคณะทำงานของเขาล้วนเต็มไปด้วยพวกลูกขุนพลอยพยัก แต่ทำไมเขาจึงทำ คำตอบด้านมนุษยธรรมนั้นตัดไปเลย เพราะทรัมป์ไม่เคยแสดงความนิยมชมชอบเรื่องมนุษยธรรม แถมไม่ชอบคนจนและคนด้อยโอกาส เพราะเห็นว่าเป็นคนที่ดูแลตัวเองไม่ได้ ต้องพึ่งพาผู้อื่น

การสั่งยิงขีปนาวุธน่าจะต้องการสร้างคะแนนนิยมในฐานะผู้นำมหาอำนาจของโลก ทำให้คนอเมริกันเห็นว่าไม่ต้องการนำประเทศเข้าสู่สงคราม ซึ่งประธานาธิบดีที่ผ่านมาต่างนำประเทศเข้าสู่สงคราม จอร์จ ดับเบิลยู. บุช แม้จะถูกมองว่าเป็นประธานาธิบดีที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่สมัยที่ 2 ของการดำรงตำแหน่งก็เป็นคนจุดชนวนสงครามอิรัก

ส่วนทรัมป์มีคนสงสัยว่าจะมีความฉลาดในเรื่องนี้หรือ เพราะในการพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ทรัมป์บอกว่าถ้าเขาเป็นผู้นำจีนจะไม่ลังเลที่จะใช้อาวุธจัดการกับเกาหลีเหนืออย่างเด็ดขาดที่ล่วงละเมิดข้อตกลงประชาคมโลก

หลายฝ่ายเชื่อว่าทรัมป์ไม่รู้ประสีประสาอะไรเลยในการสั่งยิงขีปนาวุธโจมตีซีเรีย แต่เกิดจากอารมณ์มากกว่าสถานการณ์บังคับ ดูได้จากใบหน้าที่แสดงการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา อย่างกรณีไม่ยอมจับมือกับนางแองเจลา แมร์เคิล ผู้นำเยอรมนี ตอนที่ไปเยือนเยอรมนี ซึ่งถือเป็นเรื่องประหลาด แต่เชื่อกันว่าเพราะทรัมป์ไม่พอใจที่ถูกผู้นำเยอรมนีสอนมวยระหว่างการเจรจาหลังจากพบว่าสิ่งที่เตรียมให้ทรัมป์ศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาระหว่าง 2 ประเทศนั้น ทรัมป์ไม่ได้สนใจเลย เพราะเธอมีกิตติศัพท์เรื่องนี้อยู่แล้ว

อารมณ์ไม่คงที่ของทรัมป์ยิ่งทำให้คนจำนวนไม่น้อยวิตกเรื่องสงครามโลก ซึ่งอาจเกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุผลหรือไม่คิดหน้าคิดหลัง และอาจเป็นการตอบโต้กรณีการก่อการร้ายที่เปลี่ยนแปลงไปที่มีมากขึ้นเรื่อยๆนับแต่นี้ไป อย่างเหตุการณ์ที่กรุงลอนดอนและกรุงสตอกโฮล์มที่ผู้ก่อการร้ายใช้วิธีขับรถพุ่งชนฝูงชนตามใจชอบ ไม่ต่างกับผู้นำสหรัฐยังไงยังงั้น


You must be logged in to post a comment Login