- อีกไม่นานต้องจบPosted 1 day ago
- มาสนใจกีฬาให้ยาบ้าหายไปPosted 2 days ago
- ฝึกต้อนรับให้ดีจะมีสิ่งที่ดีPosted 3 days ago
- ต้องกวาดล้างสิ่งสกปรกPosted 4 days ago
- อย่าเอายศไปทำความอัปยศPosted 1 week ago
- แนะพระอย่าลืม 4 รักPosted 1 week ago
- ยิ้มไว้ไม่ทุกข์สนุกดีPosted 1 week ago
- กวาดล้างพวกขี้เหล้า-เมายาPosted 2 weeks ago
- ฟังกันบ้างPosted 2 weeks ago
- เป้าหมาย “สงกรานต์”Posted 2 weeks ago
เป็นโสดกันเถอะ / โดย ภูริวรรณ วรานุสาสน์
คอลัมน์ : China Today
ผู้เขียน : ภูริวรรณ วรานุสาสน์
จากคำสอนตามลัทธิขงจื๊อของจีนที่กล่าวไว้ว่า หน้าที่สำคัญของผู้ชายก็คือการสืบทอดวงศ์ตระกูล ด้วยการมีลูกไว้สืบสกุล หากชายใดที่ไม่มีลูกหลานไว้สืบสกุลถือว่าทำผิดอย่างมหันต์ ทำให้ชายหนุ่มชาวจีนต้องแต่งงานและพยายามมีลูกในช่วงอายุที่เหมาะสม
แต่ปัจจุบัน แนวคิดดังกล่าวกำลังถูกท้าทายโดยหนุ่มสาวยุคใหม่ของจีน
หยู เฟย ชาวปักกิ่งตัดสินใจหย่าขาดกับสามีหลังจากแต่งงานกันได้เพียง 5 เดือน สาเหตุเป็นเพราะว่า เธอไม่สามารถเข้ากับครอบครัวของสามีได้
หยูเล่าว่า เธอเพิ่งตระหนักว่า ชีวิตการแต่งงานนั้นไม่ได้เป็นเรื่องของคนเพียงสองคนอย่างที่เคยคิดไว้ หากแต่เป็นเรื่องของครอบครัวของทั้งเธอและสามี รวมไปถึงญาติๆของทั้งสองฝ่าย รวมทั้งตัวเธอเองก็ไม่ได้เตรียมใจไว้สำหรับการไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของคนแปลกหน้า
หลี่ อิ๋นเหอ หนังสัมคมวิทยาจากสถาบันสังคมศึกษาแห่งชาติจีน (CASS) ได้สังเกตจำนวนการอยู่เป็นโสดของหนุ่มสาวจีนรุ่นใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสิ่งเหล่านี้กำลังกลายเป็นกระแสนิยมของสังคมรุ่นใหม่ ขณะเดียวกันก็ก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างแนวคิดของคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่
หลี่กล่าวว่า พ่อแม่ที่อยู่ในวัยสูงอายุส่วนใหญ่มักจะช็อกและปวดร้าวเมื่อได้ยินว่าลูกๆของพวกเขาตัดสินใจที่จะอยู่เป็นโสด ในมุมมองของพวกเขาแล้ว การแต่งงานหมายถึงการสร้างครอบครัวและปกป้องลูกหลานในอนาคต
จากหนังสือสังคมปกน้ำเงินที่ตีพิมพ์โดยสถาบันสังคมศึกษาแห่งชาติจีนเมื่อปี ค.ศ. 2010 พบว่า ภายในปี ค.ศ. 2020 ประชากรชายชาวจีนที่ไม่ได้แต่งงานจำนวน 24 ล้านคน ซึ่งเป็นตัวชี้วัดถึงการไม่สมดุลระหว่างโครงสร้างทางเพศและส่งผลกระทบต่อจำนวนคนโสดของประเทศ
ฉี จ้ง ชายวัย 36 ปีชาวเมืองกว่างโจว มณฑลกว่างตง เขาสูญเสียพ่อและแม่และต้องประสบกับความเงียบเหงาของเทศกาลตรุษจีนด้วยการเดินทางไปมณฑลหยุนนานเพียงลำพัง ซึ่งหลังจากที่เขาคิดใคร่ครวญแล้วเห็นว่า เขาอยากจะอยู่เป็นโสด และถึงแม้ว่าญาติๆของเขาจะเข้าใจและเคารพการตัดสินใจของเขา แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ที่จะชักจูงใจให้เขาเปลี่ยนใจ
ฉีกล่าวว่า เขามักจะเปิดเผยความคิดของเขาต่อหญิงสาวที่เขาควงด้วย ซึ่งหญิงสาวส่วนใหญ่มักจะคาดหวังว่าเขาจะพัฒนาความสัมพันธ์และตัดสินใจแต่งงานกับพวกเธอ แน่นอนว่า ความคิดที่ขัดแย้งกันนี้ย่อมทำให้เขาต้องเลิกรากับหญิงสาวไปหลายคน ซึ่งหญิงสาวคนสุดท้ายที่เขาคบหาเมื่อหลายปีก่อนนั้น ก็ใช้เวลาเพียง 4 เดือนเท่านั้น
ฉีเล่าว่า คนส่วนใหญ่มักคิดว่าที่เขาคบหญิงสาวได้ไม่นานเป็นเพราะเขายังไม่เจอหญิงสาวคนที่ใช่ แต่สำหรับคนโสดแบบฉีหลายคนเห็นว่า การอยู่เป็นโสดคือชีวิตที่อิสระและเป็นเสียงที่ดังออกมาจากใจ
นอกจากชีวิตอิสระของชายโสดแล้ว สาเหตุสำคัญอีกประการที่คนรุ่นใหม่นิยมอยู่เป็นโสดเป็นเพราะ สถานภาพของสตรีนั้นสูงขึ้นกว่าในอดีต ผู้หญิงสามารถออกไปทำงานและดำรงชีวิตอยู่ได้โดยตัวของพวกเธอเอง ทำให้จำนวนของหญิงสาวที่ตัดสินใจไม่แต่งงานเพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย
ผาน หยุนคัง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยการแต่งงานและครอบครัวแห่งนครเทียนจินกล่าวว่า การแต่งงานในปัจจุบันกำลังถูกท้าทายโดยการเปลี่ยนแปลงของสังคม โดยเฉพาะการเปลี่ยนถ่ายทางสังคม ทำให้ไม่สามารถนำเอาแนวคิดแบบดั้งเดิมมาตัดสินแนวคิดในปัจจุบันได้
You must be logged in to post a comment Login