- กลืนเลือดไม่ให้เสียใจPosted 2 days ago
- ระลึกถึงพ่อหลวง ร.9Posted 2 days ago
- 5 ธ.ค.วัดสวนแก้วแตกแน่Posted 3 days ago
- จะกลับมาแบบไหนPosted 4 days ago
- เลือกงานให้โดน บริหารคนให้เป็น ตาม“ลัคนาราศี”Posted 4 days ago
- ต่างศาสนา ต่างชาติพันธุ์ อยู่ร่วมกันภายใต้ความแตกต่างPosted 4 days ago
- โลภ•ลวง•หลง เกมพลิกชีวิต รีแบรนด์หรือรีบอร์นPosted 4 days ago
- กูไม่ใช่ไก่ต้มเว้ย! อย่ามาต้มกูเลย..Posted 4 days ago
- หยุดความรุนแรง-ลวงโลกPosted 5 days ago
- อ.เบียร์ช่วยวัดสวนแก้วPosted 1 week ago
ตื่นกลัวแข่งขันทางอาวุธ / โดย ณ สันมหาพล
คอลัมน์ : โลกไม่หยุดนิ่ง
ผู้เขียน : ณ สันมหาพล
หลังโดนัลด์ ทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ เคยเขียนถึงการตื่นกลัวการเกิดสงครามนิวเคลียร์จากนโยบายที่ประกาศว่าจะทำให้สหรัฐกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง การตื่นกลัวส่วนใหญ่อยู่ที่ผู้สันทัดกรณีที่ทราบดีถึงการอ่อนด้อยในการบริหารจัดการทั้งรัสเซียและสหรัฐที่อาจทำให้สงครามนิวเคลียร์เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ นี่ยังไม่พูดถึงการแสดงแสนยานุภาพอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะจบอย่างไร เกาหลีเหนือจะยิงถล่มประเทศอื่นหรือประเทศอื่นจะยิงถล่มเกาหลีเหนือ
เมื่อสัปดาห์ต้นเดือนมีนาคมการตื่นกลัวก็ออกมาทางการแข่งขันด้านอาวุธ หลังทรัมป์แถลงต่อรัฐสภาว่างบประมาณกลาโหมปีหน้าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 หรือเพิ่มขึ้น 54,000 ล้านเหรียญ คิดเป็นเงินไทยราว 1.89 ล้านล้านบาท คือปีหน้าสหรัฐจะมีงบประมาณทางทหารเพิ่มเป็น 603,000 ล้านเหรียญ หรือ 22.9 ล้านล้านบาท
หลังการแถลงของทรัมป์ จีนก็ประกาศจะเพิ่มงบประมาณทางทหารร้อยละ 7 หรือเพิ่มขึ้น 67,000 ล้านหยวน หรือ 340,400 ล้านบาท ทำให้งบประมาณทางทหารของจีนเลยหลัก 1 ล้านล้านหยวน หรือ 5.08 ล้านล้านบาท
เมื่อ 2 มหาอำนาจแข่งขันกันเช่นนี้ คนในโลกก็ต้องตื่นกลัวสงครามเป็นธรรมดาหลังจากว่างเว้นสงครามโลกมากว่า 70 ปี ขณะที่การตื่นกลัวสงครามโลกเริ่มตั้งแต่เดือนที่แล้วเมื่อสถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติแห่งกรุงสตอกโฮล์มเปิดเผยผลการวิจัยว่า ช่วง 5 ปีระหว่างปี 2555-2559 ประเทศในโลกมีการรับมอบอาวุธมากกว่าช่วงเวลาเดียวกันนับตั้งแต่ปี 2543 หรือหลังสงครามเย็นยุติ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มในตะวันออกกลาง รวมแล้วถึงร้อยละ 245 โดยซาอุดีอาระเบียเพิ่มร้อยละ 212 หลังเข้าไปแทรกแซงในเยเมน หรือมูลค่าเท่ากับร้อยละ 13 ของการนำเข้าทั้งหมดในโลก ทำให้เป็นประเทศที่ซื้ออาวุธอันดับสองของโลกรองจากอินเดีย ทิ้งห่างจีนกับปากีสถานที่เป็นคู่ปรับ ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียซื้ออาวุธจากสหรัฐและอังกฤษ ส่วนอินเดียซื้อจากรัสเซีย
ประเทศนำเข้าอาวุธที่น่าสนใจคือ เวียดนาม ปีที่ผ่านมาสหรัฐได้สั่งยกเลิกการห้ามขายอาวุธให้เวียดนาม ทำให้เวียดนามสั่งซื้ออาวุธเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 202 จนติดอันดับ 1 ใน 10 ประเทศที่สั่งซื้ออาวุธมากที่สุดในโลก จากเดิมอยู่อันดับที่ 29
ส่วนอิหร่านแม้จะถูกห้ามไม่ให้ประเทศใดขายอาวุธให้ แต่เมื่อปีที่แล้วอิหร่านได้รับการส่งมอบระบบป้องกันขีปนาวุธจากรัสเซียรุ่นเอส-300 ที่ทันสมัยที่สุด ถือเป็นการส่งมอบอาวุธให้อิหร่านครั้งสำคัญที่สุดนับตั้งแต่ปี 2550
อย่างไรก็ตาม จีนยังเป็นประเทศส่งออกอาวุธมูลค่าสูงสุดในโลก มีอัตราเพิ่มร้อยละ 6.2 เทียบกับร้อยละ 3.8 ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ส่วนเยอรมนีส่งออกลดลงถึงร้อยละ 36 ขณะที่สหรัฐส่งออกมากอันดับ 2 โดยส่งไปขายประเทศต่างๆเกือบ 100 แห่ง ส่วนมากเป็นอาวุธที่มีเทคโนโลยีชั้นสูงและอานุภาพรุนแรง
จะเห็นว่าการแข่งขันด้านอาวุธที่ทำให้ตื่นกลัวว่าจะเกิดสงครามครั้งใหญ่นั้นไม่ได้เหนือความเป็นจริง แต่การตื่นกลัวยังไม่จำกัดเพียงเท่านี้ เพราะเชื่อว่าการแข่งขันด้านอาวุธในโลกยังมีต่อไป ซึ่งเมื่อเกิดความขัดแย้งหรือไม่พอใจระหว่างประเทศก็จะมีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มหรือขบวนการและมีการจัดหาอาวุธให้ หรือฝึกซ้อมร่วมกันจนกลายเป็นกองกำลัง
ความวิตกเรื่องสงครามและการก่อการร้ายต่างๆที่ผ่านมาเป็นเพราะการแข่งขันด้านอาวุธเพื่อขยายอิทธิพลและความรุนแรง แม้กลุ่มก่อการร้ายหลายกลุ่มจะถูกปราบปรามอย่างต่อเนื่องก็ตาม แต่ก็เกิดกองกำลังใหม่เช่นกัน โดยเฉพาะการอาศัยสื่อออนไลน์เป็นฐานระดมกำลังและทุนสนับสนุน เช่น กลุ่มไอเอส
เช่นเดียวกับการซื้อขายอาวุธผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งสามารถทำรายได้อย่างมาก แม้จะเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่การซื้อส่วนใหญ่ก็เป็นลักษณะใต้ดิน ซึ่งนับวันจะมีการซื้อขายแพร่หลายมากขึ้นเรื่อยๆทั้งด้านผู้ขายและผู้ซื้อ
กลุ่มก่อการร้ายหรือกลุ่มอาชญากรรมต่างๆจึงมีช่องทางมากที่จะซื้ออาวุธ แม้แต่การต่อสู้ทางการเมืองก็อาจใช้วิธีความรุนแรงแทนการชุมนุมประท้วงที่ยืดเยื้อ
การซื้อขายอาวุธผ่านออนไลน์ การเผยแพร่ความคิดเพื่อระดมทุนและกองกำลัง จึงเป็นอีกรูปแบบหนึ่งในโลกปัจจุบันและอนาคต
การตื่นกลัวสงครามจากการแข่งขันด้านอาวุธจึงไม่มีใครต้องการ เพราะเหมือนการวางระเบิดใจกลางเมืองนั่นเอง
You must be logged in to post a comment Login