วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2567

โครงสร้างพังทลาย / โดย สนานจิตต์ บางสพาน

On February 6, 2017

คอลัมน์ : สากกะเบือยันเรือรบ
ผู้เขียน : สนานจิตต์ บางสพาน

กรณีรองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาเดินทางไปราชการในนามรัฐบาลไทยแล้วไปขโมยภาพเขียนในโรงแรมที่พัก ซึ่งเป็น “คดีอาญา” แต่รัฐบาลญี่ปุ่นปล่อยตัวกลับมาโดยการเจรจา ไม่ต้องไปพูดถึงฝ่ายญี่ปุ่นนะครับ มันเป็นมารยาทการเมืองและการทูตระหว่างประเทศที่ให้กัน ส่วนใหญ่มักจะจบลงแบบปล่อยให้เดินทางออกนอกประเทศ แต่เกียรติภูมิของประเทศไทยในสายตานานาชาติ “ฉิบหาย” ไปแล้วเรียบร้อย

กรณีแบบนี้ไม่ต่างจากระดับบริหารไอเอ็มเอฟล่วงละเมิดทางเพศในนิวยอร์กแล้วหลุดรอดกลับฝรั่งเศส หรือกรณี พล.ต.อ.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง พกปืนเข้าญี่ปุ่น

สิ่งที่สร้างรอยร้าวในความรู้สึกของคนไทยทั่วไป ไม่ว่าจะเหลือง แดง นกหวีด ชาวบ้านร้านตลาดคือ การดาหน้าออกมาของ “ฝ่ายอำนาจรัฐ” หรือ “รัฐข้าราชการ” ตั้งแต่รองนายกฯวิษณุ เครืองาม ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ยันปลัดกระทรวงพาณิชย์ จนถึงมาตรการดำเนินการช่วยเหลือคนไทยของกระทรวงการต่างประเทศที่ออกนอกหน้าดำเนินการ

หลักการ “ช่วยคนชาติเดียวกัน” ประเทศไหนๆก็ทำ แต่ต้องดูกรณีที่เกิดด้วย อันนี้คนระดับรองอธิบดีซี 9 ไปก่อคดีอาญานะครับ ไม่ใช่โดนลักพาตัวหรือรุมกระทืบในญี่ปุ่น

ที่สำคัญ…พอเดินทางกลับประเทศไทย กระทรวงพาณิชย์ต้นสังกัดแค่ย้ายและตั้งกรรมการสอบ รอผลอีก 7 วัน

ตำรวจไทยก่อคดียังให้ออกจากราชการไว้ก่อน สู้คดีจบ หากบริสุทธิ์ก็กลับมารับราชการใหม่ แต่ที่กระทรวงพาณิชย์ทำมันทำลายโครงสร้างว่าด้วยมาตรฐานกฎระเบียบและกฎหมายที่บังคับใช้กับข้าราชการทุกกระทรวง รวมถึงพลเมืองไทยด้วย

คำถามที่ไม่มี “สุนัขสักตัว” ออกมาตอบคือ ถ้าคนไทยธรรมดาไปก่อคดีขโมยของในโรงแรมที่ญี่ปุ่นแล้วโดนทางการญี่ปุ่นจับตัวได้ กระทรวงการต่างประเทศจะดำเนินการด้วยวิถีทางการทูตจนได้รับการปล่อยตัวกลับหรือไม่?

ความผิดที่กระทำซึ่งเป็นข่าวไปทั่วโลกยังไม่ชัดเจนพอจะให้ออกจากราชการไว้ก่อนอีกหรือ เราได้ยินคำว่า “สองมาตรฐาน” กันบ่อยมากในระยะหลัง แล้วกรณีรองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญานี้เราจะเรียกว่า “อะไร?”

นี่คือความพินาศของโครงสร้างการบริหารราชการแผ่นดิน เป็นเรื่องของอำนาจที่ “เอาแต่ได้” และ “เอาแต่ใจ” อย่างแท้จริง สรุปคือ จะทำอย่างนี้ใครจะทำไม?

ก็เอาสิครับ จะทำกันอย่างนี้ก็เอา แต่บอกได้อย่างว่า กรณีคดีรองอธิบดีจะเป็นเสมือนฟางเส้นหนึ่งที่ถูกเติมลงไปบนน้ำหนักของประชาชน

ต่อให้พวกเสื้อเหลืองหรือนกหวีดชูจั๊กกะแร้เชียร์รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ก็ตาม

สนจ. เขียนมานานแล้วว่า เอาเลย พวกเพ่…อยากทำอะไรทำเลย พวกเพ่อยู่ได้ประชาชนก็อยู่ได้ จะอยู่กันยังไงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง จะอยู่ด้วยความหวาดกลัว อยู่ด้วยความอึดอัดคับข้องใจ หวานอมขมกลืน หรือความเคียดแค้นชิงชัง

เลิกพูดเรื่อง “ปรองดอง” รอดู “เวลา” กับ “พลวัต” ของการเปลี่ยนแปลงกันดีกว่าว่าจะมาช้าหรือมาเร็ว

เอาน่าเพ่…ทำแม่งให้ยุ่งเข้าไว้ พวกเพ่ได้เจอแน่… 555555


You must be logged in to post a comment Login