วันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

‘จีน’ ไม่ใช่ผู้นำค้าเสรีตัวจริง?

On January 26, 2017

ประชาคมโลกมองไปที่จีนว่า จะขึ้นมาเป็นผู้นำโลกด้านการค้าเสรีแทนสหรัฐ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมินสัญญาการค้าเสรี และเตรียมใช้แผนกีดกันทางการค้าการลงทุน เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติ

แนวโน้มที่จีนจะขึ้นมาเป็นผู้นำโลกด้านการค้าเสรียิ่งชัดเจนขึ้น เมื่อประธานาธิบดีสี

จิ้นผิง กล่าวในที่ประชุม “2017 World Economic Forum” ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ว่า

“จีนจะส่งเสริมการค้าการลงทุนอย่างเสรีด้วยการเปิดประเทศต่อไป โดยจะไม่ใช้มาตรการปกป้องกีดกัน เพราะมาตรการดังกล่าวเสมือนขังตัวเองไว้ในห้องมืด ซึ่งป้องกันลมและฝนได้ก็จริง แต่ก็ขาดอากาศและแสงสว่าง ไม่มีฝ่ายใดเป็นผู้ชนะในการทำสงครามการค้า”

ถ้อยแถลงดังกล่าว สะท้อนถึงแนวทางของผู้นำจีนว่า มีความมุ่งมั่นในการยึดนโยบายตลาดเสรี โดยจะไม่ทำสงครามการค้า

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายประเทศมองว่า คำพูดของผู้นำจีนขัดแย้งกับความเป็นจริง โดยหอการค้าอเมริการะบุว่า จีนเปิดเสรีน้อยมากหากเทียบกับสหรัฐ ยุโรป และแคนาดา จากการใช้กฎระเบียบที่คลุมเครือ ขัดแย้งกัน และใช้มาตรการกีดกันเพิ่มขึ้น

ด้วยปัญหาตามที่ระบุ หอการค้าอเมริกาจึงมองว่า เป็นเรื่องยากที่จีนจะขึ้นมาเป็นผู้นำด้านการค้าเสรี หากไม่ขจัดอุปสรรคดังกล่าว

ขณะที่ ซิกมาร์ กาเบรียล รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจของเยอรมนี ระบุว่าเยอรมนียอมให้บริษัทในประเทศตกเป็นเหยื่อตลาดเสรี โดยเปิดให้จีนเข้าไปลงทุนแย่งการตลาด แต่บริษัทของเยอรมนีเข้าไปลงทุนในจีนยากอย่างยิ่ง

จีนเข้าไปลงทุนในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป (อียู) ปีที่แล้ว มูลค่าเกือบ 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่ายอดการลงทุนในจีนของกลุ่มประเทศอียูถึง 4 เท่า

ด้านองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and Development: OECD) จัดจีนเป็นประเทศอันดับ 2 ของโลก ที่ใช้มาตรการเข้มงวดกับการลงทุนตรงของผู้ประกอบการต่างชาติ

ส่วน แบร์รี นัฟตัน ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจจีน แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย สหรัฐ มองว่า ถ้าผู้นำสหรัฐทิ้งตำแหน่งผู้นำโลกด้านการค้าเสรีจริง จีนควรฉวยโอกาสเข้าไปแทนที่ เพราะมีประโยชน์มหาศาลรออยู่

แต่การที่จะเข้าไปแทนที่สหรัฐได้ ผู้นำจีนต้องมีความจริงจังกับการปฏิรูป และต้องเปิดประเทศเป็นตลาดเสรีอย่างแท้จริง 


You must be logged in to post a comment Login