วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

กระบวนการยุติธรรม / โดย สนานจิตต์ บางสพาน

On January 23, 2017

คอลัมน์ : สากกะเบือยันเรือรบ
ผู้เขียน : สนานจิตต์ บางสพาน

ช่วงนี้มี 2 เรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่ตำรวจ อัยการ ยันศาล เรื่องแรกก็คือการขอประกันตัว “ไผ่ ดาวดิน” นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น กับกรณีครูสาวที่จับผิดตัวและติดคุกฟรีปีครึ่ง ชีวิตส่วนตัว ครอบครัวพังพินาศ

คดีแรกเป็นคดีการเมือง เอาประสานักข่าวเก่า มันแล้วแต่ว่าคนที่มีอำนาจเขาจะเอายังไง ถ้าเขายังหมั่นไส้ หรือจะกำราบ หรือขู่ งานนี้ไผ่ก็ไม่ได้ประกัน สำหรับการสอบวิชาสุดท้ายเพื่อรับปริญญา ต่อให้เคลื่อนไหวกันอย่างไร ถ้าเขาไม่ให้ซะอย่าง ยังไงก็ไม่ได้ประกัน ถ้าเขาจะให้แบบผ่อนปรนหรือลดแรงเสียดทาน หรือเอาอย่างโลกสวยบวกกันสุดๆก็คือเมตตาปรานี เพราะยังไงไผ่ก็แค่เด็กหนุ่ม แต่ “อำนาจรัฐ” ไม่ใช่ไม่รู้ว่าไอ้หำใสรายนี้คือเด็กที่มีความคิด มีอุดมการณ์ โอกาสที่เด็กแบบนี้จะกลายเป็นนักการเมือง รับเงินเอ็นจีโอ เล่นกับอำนาจ ลาภ ยศ สรรเสริญ นั้นก็ไม่ง่าย

อำนาจรัฐไม่ใช่ไม่รู้ว่าเด็กเคลื่อนไหวมาตั้งแต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ และเด็กเหล่านี้ก็ไม่ได้รักใคร่อะไรทักษิณ แต่พอเกิดเป้าหมายหลักที่เป็นสัญลักษณ์ว่าทักษิณคือทุนนิยมสามานย์ ทุกอย่างก็กลายเป็น “รับเงินทักษิณ” หมด ขนาด สนจ. ยังโดนเลย ไอ้ห่านเอ๊ย… ค่าเทอมลูกนี่ยังต้องยืมเงินกัลยาณมิตรเลย สื่อสิ่งพิมพ์เลิกหมด รายได้ยังชีพไม่เหลือแล้ว ทุกวันนี้เขียนให้ “โลกวันนี้” ก็เขียนกันด้วยใจและเพื่อนน้ำมิตรกับ บ.ก. ไม่ใช่เรื่องเงิน เพราะค่าเรื่องทั้งเดือนเหลือ 1,200 บาท ถ้าต้องยังชีพด้วยค่าเรื่องก็อดตายพอดี แต่ก็ยังไม่วายว่า “กูรับเงินทักษิณ”

อนาคตเด็กหนุ่มไทยคนหนึ่งก็อยู่ที่การเมืองนั่นแหละ จะเล่นกันแบบโบราณหรือเล่นกันแบบสมัยนี้ ถ้าเล่นแบบโบราณก็คุยกัน ยื่นเงื่อนไข เสนอทางออก แล้วถามคำเดียวว่ารับไม่รับ ถ้ารับก็แลกกัน แต่ถ้าเล่นกันแบบ “ทำได้ทุกอย่าง” เพื่อผลประโยชน์ งานนี้ไผ่ก็ติดคุกและหมดอนาคตนั่นแหละ

ส่วนคดีครูสาว “ติดคุกฟรี” ข้อหาขับรถชนคนตาย อันนี้เรื่องใหญ่ ถ้าไม่มีรายการเตะลูกออกรับรองว่าต้องรื้อและสังคายนากันทั้งระบบ ตั้งแต่ตำรวจ อัยการ และศาล เพราะครูสาวรายนี้ไม่ใช่เหยื่อรายแรกที่ติดคุกฟรี ก่อนหน้านี้มีมาแล้วหลายราย แต่บทสรุปจบแบบไทยๆคือ เป็นเวรกรรม ไม่ต่อความยาวสาวความยืด

ความหมายของการต่อความยาวสาวความยืดหมายความว่า ถ้าไม่ยอมรับการเยียวยาปลอบใจแล้วจบๆกันไป ลุกขึ้นมาเปิดหน้าแฉทุกอย่างทั้งหมดเพื่อไม่ให้เกิดกับประชาชนผู้บริสุทธิ์คนอื่นๆ อันนี้งานช้างเลย

มันเป็น “ปัญหาโครงสร้าง” ที่ถ้าจะทำกันจริงๆประเทศนี้ต้องรื้อกันอีกหลายวงการเลยทีเดียว แค่สื่อมวลชนพวกเดียวกับ สนจ. ทุกวันนี้ยังเละเป็นโจ๊กโดนระเบิดพลีชีพ…ฮา

ลองตามกันดูว่า 2 คดีนี้จะจบแบบไหน จบตามครรลองกฎหมาย ระบบ ระเบียบ หรือแบบการเมือง มาถึงนาทีนี้ ประเทศนี้ทุกเรื่องทุกปัญหาออกหน้าไหนก็ได้ ขึ้นอยู่กับปัญหานั้นกระทบใคร?

กระทบอำนาจรัฐ อำนาจทุน อำนาจข้าราชการที่กลับสู่อำนาจเป็นแกนหลักในการบริหารราชการประเทศ ก็ต้องไปดูกันว่าปัจเจกแต่ละรายที่มีปัญหาเป็นใคร แบ็กกราวนด์แค่ไหน ยังไง มีเงิน มีพรรคมีพวก มีเส้นหรือไม่

ระบบอุปถัมภ์ของเมืองไทยมันยิ่งกว่าต้องระเบิดทิ้งแบบแก่งหินในแม่น้ำโขงเสียอีก มันหยั่งลึกจนทุกโครงสร้างบิดเบี้ยวและไม่เป็นไปตามหลักการ กฎระเบียบกันไปหมด

ห่านเอ๊ย… แค่เมาแล้วขับ แม่งยังปล้นกันทีละ 5,000 ถึง 10,000

คนที่โดนถ้ามีเส้นยังไงก็ต้องใช้ สนจ. เคยโดน 1 ครั้ง ขนาดมีเพื่อนเป็นรอง ผบช.น. พอไม่ใช้ พ.ต.อ. หัวหน้าด่านบอก “เฮ้ยพี่…ทำไมพี่ไม่บอกว่าเป็นเพื่อนนาย”…ฮา


You must be logged in to post a comment Login