วันพฤหัสที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567

ดีตลอดกาล / โดย พระพยอม กัลยาโณ

On January 13, 2017

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม
ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมเชิญกลุ่มการเมืองและภาคประชาชนมาหารือเรื่องการสร้างความปรองดอง แต่จะทำได้ไม่ได้ สำเร็จหรือไม่สำเร็จ ก็ยังชื่นใจ เหมือนเรื่องน้ำท่วมภาคใต้ ต้องมีอารมณ์และจิตใจช่วยกัน ไม่ว่าฝ่ายไหน

ขอให้ระลึกเป็นบทเรียนอย่างหนึ่งว่า เวลาทะเลาะกัน เรามักจะไม่นึกถึงวันข้างหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น ประเทศชาติจะเสียหายยังไง ขอให้ชนะไว้ก่อน ไล่ไว้ก่อน ยึดไว้ก่อน ไล่นั่นไล่นี่กันอุตลุต บางกระทรวงไม่ต้องทำมาหากิน ไม่ต้องทำการทำงาน ราชการเสียหายมากมาย มันเป็นกันอย่างนี้ แต่พอเกิดเรื่องทุกข์ยากขึ้นมาก็จะมาลำเลิกกันอีก มันน่าจะพอกันได้แล้ว

พล.อ.ประวิตร บอกว่าจะเรียกประชุม แต่จะไม่มีการนิรโทษกรรม ใครก่อโทษก็รับโทษกันไป ไม่ว่า เหลืองแดง ใครผิดก็ติดคุก แต่คงไม่ติดนานหรอก เอาพอให้เข็ดๆ อาตมาก็ว่าพอแล้ว อย่างคุณจตุพร (จตุพร พรหมพันธุ์ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ) ก็ได้รับการประกันแล้ว ทั้งฝ่ายโน้น ฝ่ายนี้ ฝ่ายไหนก็ตาม เอาสักพักหนึ่ง คุณสนธิ (สนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย) ก็ติดมาพักหนึ่งแล้ว

ซักพักก็ค่อยๆปล่อยออกมา เพราะคงไม่เหมือนไอ้ต้อมที่ปล่อยออกมาแล้วไปเที่ยวปาดคอคนนั้นคนนี้ เพราะคนพวกนี้มีพื้นฐานคุณธรรมอยู่ทั้งนั้น แกนนำทั้ง 2 ฝ่ายมีพื้นฐานคุณธรรมต่ำบ้างสูงบ้าง แต่ไม่ถึงกับขาดแคลนแล้งไร้คุณธรรมกันเสียเลย ไม่ถึงขนาดนั้น ก็ขอให้ได้เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้มาร่วมสร้างชาติ สร้างบ้านสร้างเมือง เรียกมาคุย มาปรองดองกันดู ท่านมีอำนาจก็เชิญได้ เรียกได้ ไม่มาก็ขึ้นบัญชีดำไปเลย จะได้เดินหน้าพัฒนาประเทศสักที เพราะประเทศบอบช้ำมาขนาดนี้ยังไม่เข็ดไม่หลาบไม่จำ จะมาดื้อด้านอะไรกันนักหนา ดื้อตาใสต่อไปเพื่ออะไร ดื้อไปด้านมา เดี๋ยวไปก่อเรื่องก่อราวก็ต้องติดคุก ขึ้นโรงขึ้นศาล หมดเวลาพัฒนาประเทศ

อาตมาขอบิณฑบาตว่าพอได้แล้ว ใครคิดจะก่อโน่นก่อนี่ ปลุกระดมอีก หยุดเถอะ ญาติโยมก็เหมือนกัน เขาปลุกเขาปั่น ก็อย่าหัวสั่น ตัวสั่น ขาสั่น มันไม้มันมือ อยากจะออกฟิลลิ่ง ที่ออกๆมาน่ะ ไม่ได้ออกไปแสวงหาความสุขเลย ออกไปแสวงหากับดัก อนาคตก็ลำบาก หลายคนที่เคยทำงานร่วมกันมา ก็อยากจะนิมนต์ อยากจะเชิญให้ไปร่วม แต่ดูหน้าแล้วก็ไม่ค่อยสนิทใจ เพราะแทบจะไม่เป็นพระเป็นคนแล้ว

พอมีความจำเป็นที่เราจะต้องพูด ต้องคุย ต้องทำงานทำการ จัดรายการอะไรร่วมกัน บางทีพิธีกรก็ไม่กล้าเชิญ เพราะไปคิดว่าคนโน้นฝ่ายนี้คนนี้ฝ่ายนั้น เดี๋ยวจะมาทะเลาะกันหน้าจอโทรทัศน์ เลยทำงานกันอยู่กลุ่มเดียวพวกเดียว อีกพวกก็ฟังข้างเดียว ไม่ได้เปิดหูเปิดตาดูข้างโน้นข้างนี้เลย น้ำหนักหูไม่เท่ากันหลายคนแล้ว

แต่อาตมาโชคดี ใครที่ด่าๆ เราฟัง เดี๋ยวมันก็ดี ทำท่าจะปรองดองขึ้นมาตรงที่ว่าด่ากันว่ากันเนี่ย มันแค่มาสลับฉลาก มันก็แค่พูดในลักษณะดิสเครดิตเท่านั้น เดี๋ยวก็หันไปทำอาหาร ทำเรื่องเกษตร เรื่องสมุนไพร เรื่องอาหารเสริม แต่เดี๋ยวนี้ก็เริ่มให้ปัญญา ให้เหตุผล ให้ข้อมูลทำมาหากิน คือดีขึ้น

ก็ขอให้ดีอย่างนี้นานๆ อย่าดีชั่วครู่ชั่วยาม ชั่ววูบชั่ววาบ ต้องดีถาวร ดีตลอดกาล เอาล่ะก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login