วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

ปีไก่หงอย / โดย ลอย ลมบน

On January 2, 2017

คอลัมน์ : จับกระแสการเมือง
ผู้เขียน : ลอย ลมบน

สวัสดีปีใหม่ 2560 ก้าวสู่ปี พ.ศ. ใหม่ หลายคนมักตั้งความหวังว่าจะได้พบเจอกับสิ่งใหม่ที่ดีกว่าปีที่ผ่านมา

ในช่วงที่จิตใจกำลังเบิกบานอยู่นี้ไม่อยากทำให้เกิดความหม่นหมอง แต่ความจริงก็คือความจริงที่เราไม่อาจหลีกพ้นได้

หากเรายอมรับความจริงจะทำให้สามารถตั้งรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ในวันข้างหน้า

สิ่งที่อยากแลกเปลี่ยนกันในช่วงขึ้นปี พ.ศ. ใหม่นี้คือ สภาวะเศรษฐกิจของประเทศในปี 2560 แม้ที่ผ่านมาผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่ายจะบอกว่าเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและกำลังมีทิศทางฟื้นตัว

แต่ในความเป็นจริงอาจไม่เป็นอย่างที่พูด

ปีลิงที่ผ่านมาเป็นปีที่คนไทยได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจกันอย่างทั่วหน้า แม้รัฐบาลทหาร คสช. จะยืนยันว่าการแก้ปัญหาเศรษฐกิจเดินมาถูกทาง ออกสารพัดมาตรการมากระตุ้นตั้งแต่ต้นปียันท้ายปี

แต่สภาวะเศรษฐกิจไม่มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น

ก้าวขึ้นสู่ปี พ.ศ. ใหม่ ก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่มีความหวังที่จะได้เห็นสภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว

ทั้งนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจไทยพึ่งพาการส่งสินค้าออกเป็นหลัก เมื่อดูจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความผันผวน มีความไม่แน่นอนสูง จึงส่งผลให้เศรษฐกิจไทยมีความไม่แน่นอนไปด้วย

ตลาดส่งออกสำคัญของไทยอย่างจีน สหรัฐ ยุโรป ต่างแก้ปัญหาของตัวเองด้วยการเร่งปั๊มเศรษฐกิจภายในประเทศ ที่สำคัญต้องดูว่าเมื่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการแล้วจะมีความชัดเจนเรื่องแนวนโยบายด้านเศรษฐกิจอย่างไร ซึ่งจะมีผลต่อเศรษฐกิจโลกด้วย

เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาแค่ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐประกาศตั้งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจคนใหม่ซึ่งเป็นนักวิชาการที่มีผลงานเขียนต่อต้านการขยายอิทธิพลการค้า การทหารของจีน ก็ทำให้พญามังกรออกมาขู่ฮึ่มๆว่า การแต่งตั้งที่ปรึกษาเศรษฐกิจคนใหม่ของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอาจทำให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐและจีนมากขึ้น

ถ้าพญาอินทรีกับพญามังกรฟัดกัน ช้างศึกอย่างเราก็ไม่พ้นต้องได้รับผลกระทบไปด้วย

ความไม่แน่นอนยังเกิดขึ้นในกลุ่มสหภาพยุโรปหรืออียูหลังการลงประชามติแยกตัวออกจากการเป็นสมาชิกอียูของอังกฤษ

ต้องดูว่าเมื่ออังกฤษพ้นสมาชิกภาพแล้ว ผลการเจรจาต่อรองกับอียูเกี่ยวกับการค้าการลงทุนจะเป็นอย่างไร หากอังกฤษสามารถเจรจาจนได้รับเงื่อนไขที่ดี ได้รับข้อยกเว้นบางอย่าง อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้อียูถึงขั้นล่มสลายได้ เพราะชาติอื่นจะพากันเฮโลออกจากการเป็นสมาชิกอียู

ในเมื่อออกมาแล้วสามารถต่อรองให้ได้รับข้อยกเว้นที่เป็นประโยชน์กับตัวเองได้มากกว่า ใครจะโง่อยู่เป็นสมาชิกต่อไป

ถ้าอียูล่มสลาย แน่นอนว่าผลกระทบจะเกิดขึ้นทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ไทย

นอกจากนี้ยังมีผลกระทบจากการเปลี่ยนนโยบายของจีนที่เริ่มปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ หันไปพึ่งพาเศรษฐกิจภายในมากขึ้น แม้จะทำให้การส่งออกของจีนลดลง แต่การนำเข้าสินค้าก็ต้องลดลงด้วยเช่นเดียวกัน

ขณะที่ญี่ปุ่นจะตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) สินค้าไทย 14 รายการ รวมมูลค่าการส่งออก 15.79 ล้านเหรียญสหรัฐ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 พ.ย. 2559)

การส่งออกที่เป็นหนึ่งในเครื่องจักรหลักในการปั๊มเศรษฐกิจไทยจึงมีความไม่แน่นอนต่อไปในปีหน้า

แม้นายวินิจฉัย แจ่มแจ้ง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ จะคาดการณ์ว่าปี 2560 การส่งออกจะขยายตัวในกรอบ 2.5-3.5% ซึ่งมากกว่าที่หลายหน่วยงานคาดการณ์ แต่ก็ไม่มีหลักประกันใดๆว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามนั้น เพราะเป็นการคาดการณ์บนพื้นฐานที่ว่าเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวขึ้น หากไม่หลอกตัวเองก็คงพอรู้ว่าสภาวะเศรษฐกิจโลกเป็นอย่างไร

แนวทางแก้ปัญหาของรัฐบาลทหาร คสช. คงทำได้แค่ประคองตัวด้วยการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในเหมือนที่ผ่านมา แต่ปัญหาคือจะเหลืองบให้กระตุ้นได้อีกเท่าไร

ความหวังของเศรษฐกิจไทยในปีไก่จึงเหลือแค่ 2 ตัวที่จะมาช่วยขับเคลื่อน นั่นคือ การท่องเที่ยวและการลงทุนภาครัฐ

ในส่วนของการท่องเที่ยวนั้น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้ารายได้ด้านการท่องเที่ยวปี 2560 ไว้ที่ 2.89 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 20 ของจีดีพี ซึ่งเติบโตกว่าปี 2559 ร้อยละ 12

ทั้งนี้ ททท. ออกตัวว่าไม่ได้คาดหวังเรื่องจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาไทย แต่คาดหวังเรื่องรายได้เป็นหลัก หากนักท่องเที่ยวเข้ามาต่ำกว่าเป้าแต่รายได้ถึงเป้าที่ตั้งไว้ถือว่าประสบความสำเร็จ

ขณะที่การลงทุนภาครัฐที่จะเริ่มมีการเบิกจ่ายงบประมาณกันอย่างจริงจังในปี 2560 เพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม 20 โครงการ วงเงิน 1.41 ล้านล้านบาท โดยกำลังประกวดราคา 9 โครงการ วงเงิน 4.87 หมื่นล้านบาท หากเป็นไปตามเป้าก็น่าจะพอช่วยพยุงเศรษฐกิจได้บ้าง

อย่างไรก็ตาม ทั้งการท่องเที่ยวและการลงทุนภาครัฐเม็ดเงินจะกระจุกตัวอยู่ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่เกี่ยวข้องไม่กี่กลุ่ม แรงงานที่อยู่ในภาคอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องก็ยังน่าเป็นห่วงโดยเฉพาะภาคการเกษตร

เมื่อพิจารณาจากยอดคนว่างงานที่เพิ่มมากขึ้นในปี 2559 ที่ผ่านมา ข้อมูลของสำนักงานประกันสังคมพบว่าช่วงต้นปี 2559 แค่ 2 เดือนแรกมียอดคนตกงานที่ขึ้นทะเบียนขอรับเงินชดเชยการว่างงานถึง 123,087 คน ใกล้เคียงกับจำนวนผู้ขอรับประโยชน์ทดแทนในปี 2558 ตลอดทั้งปีที่ 123,536 คน

ผ่านมาถึงเดือนตุลาคมตัวเลขผู้ขึ้นทะเบียนรับเงินชดเชยการว่างงานพุ่งไปถึง 161,012 คน ซึ่งต้องไม่ลืมว่านี่เป็นตัวเลขคนว่างงานที่อยู่ในระบบประกันสังคม ไม่นับรวมผู้ว่างงานที่อยู่นอกระบบประกันสังคม ไม่มีใครรู้ว่าตัวเลขที่แท้จริงเป็นเท่าไร

เมื่อการส่งออกไม่ดี การลงทุนภาคเอกชนนิ่ง แม้จะมีการลงทุนภาครัฐและการท่องเที่ยวมาช่วยประคอง แต่สภาวะเศรษฐกิจปีไก่คงไม่ดีไปกว่าปีลิงมากนัก

รัฐบาลทหาร คสช. คงทำได้แค่ออกมาตรการกระตุ้นเป็นครั้งคราว เพื่อประคองตัวรอเวลาลงจากอำนาจหลังการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในช่วงปลายปี 2560


You must be logged in to post a comment Login