วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567

ร่มเงาพระศาสนา / โดย พระพยอม กัลยาโณ

On December 29, 2016

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม
ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

ช่วงนี้คนติดตามข่าวที่ทหาร ตำรวจเจ้าหน้าที่รัฐเตรียมพร้อมที่จะเข้าไปในวัดพระธรรมกาย ที่จริงแล้วเป้าหมายของเจ้าหน้าที่ไม่ได้ไปจับตัว ไปล็อกตัว เพียงแต่ขอคืนพื้นที่ที่ถูกบุกรุกตามที่ได้รับการร้องเรียนว่าวัดทำล้ำมาคืนหรือรื้อถอน ไม่ได้จะบุกจับพระธัมมชโย การใช้ยุทธศาสตร์แบบนี้ถือว่าไม่ล้มเหลว เพราะรู้อยู่ว่ามีมวลชนเตรียมตั้งรับแล้วยังอาจทำให้ “จีวรเปื้อนเลือด” อีก

ตอนนี้ก็ทราบข่าวว่าจากพระภิกษุที่มาเล่าให้ฟังว่า พระในนั้นเองก็มีออกมาบ้างแล้ว วัดที่เคยขึ้นเป็นสาขาธรรมกายก็เริ่มถอนตัว เพราะรู้สึกว่าจะเป็นเครื่องมือในการแสวงหาทรัพย์ จ่ายให้วัดละแสนบาทแล้ว วัดเหล่านั้นก็ต้องทำกิจกรรมร่วม พูดง่ายๆว่าเป็นสาขาเหมือนเมืองขึ้นอะไรอย่างนั้น

พูดถึงกิจกรรมทางศาสนาเนี่ย ถ้าไม่เอาความโลภ ความงกเข้ามาเกี่ยวก็จะไม่มีปัญหา แต่ถ้ามีความโลภ ความงกเกินไปก็มักจะเป็นปัญหาให้มันเกิดเรื่อง ถ้าไม่งก ไม่โลภเกินไป ยังไงเสียก็อยู่ได้สบาย เพราะร่มเงาของพระศาสนานั้นเป็นร่มเงาที่ชัดเจน เพื่อสงบสุขของมวลมนุษยชาติ

ที่เราพูดกันเสมอว่า พระอรหันต์อยู่ที่ไหน ประชาชนก็จะเย็นอกเย็นใจ ไม่มีใครไปเร้าร้อนเดือดร้อน แต่พระยุคนี้ไม่ใช่พระอรหันต์ “หัน” เหมือนกัน คือหันไปหาลาภหาผลมากกว่าที่จะหาความร่มเย็นเป็นสุข ผลเลยออกมาอย่างนี้ ถ้าหันเข้าหาหลักจริงแล้วไม่มีหรอกที่จะมีเรื่องวุ่นวายมากมาย โดยเฉพาะหลักธรรม ตัวอย่างเรื่องพันท้ายนรสิงห์ ยอมรับทุกอย่างที่ผิดพลาด เข้าสู่กระบวนการตั้งแต่ทีแรก ก็เชื่อว่าเรื่องไม่เป็นปัญหาบานปลาย ไม่มีการฟื้นฝอยคดีอื่นๆ ขึ้นมาจนเรียกว่าเสียสูญ เสียแนวร่วม เสียชื่อเสียง เสียอะไรต่ออะไร

ในโลกนี้ใครจะทำอะไรก็มีทั้งพวกที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย พวกที่เฉยๆ ปล่อยก็เพราะห่วงทำมาหากิน หรือเพราะเห็นว่าตัวเองเข้าไปแก้ไขอะไรก็แก้ไม่ได้ เลยดูห่างๆ เลือกทางสายกลาง แต่ข้อสำคัญคือต้องรู้ไว้บ้างว่าเหตุที่เกิดมีเค้ามีเรื่องมาจากอะไร ต่อไปจะได้เป็นคนรู้เท่า รู้ทัน รู้แก้ รู้กัน ไม่ให้ใครมาหลอกลวง

เอาล่ะยังไงสถานการณ์คงจะลงท้ายด้วยความพอใจกันทุกฝ่าย เพราะเริ่มเจรจา เริ่มพูด เริ่มบุก เริ่มถอย เดี๋ยวก็จะได้จังหวะลงเอยเองแหละ ถ้าไม่ทำอะไรซะเลย เพิกเฉยดูดายกันหมดก็จะเสียแบบแผนการปกครอง ก็คิดว่าคงไม่นานเกินรอ ช่วงนี้คิดว่าใกล้ปีใหม่ จึงอยากให้คนอยู่กันอย่างมีสุข

ดังนั้น ญาติโยมก็อย่าไปผสมโรงทุกข์กับเขาเลย อยู่ให้มีความสุข ดูให้เป็นบทเรียน ทำให้เราฉลาด ไตร่ตรองใคร่ครวญ คือเราได้ทั้ง 2 อย่าง แต่เอาเถอะ..ขอให้เราทุกคนพอใจในหน้าที่ความเป็นมนุษย์ที่ต้องทำหน้าที่ให้ถึงที่สุด แล้วผลดีก็จะตกอยู่กับเราเอง ไม่ต้องไปรับกรรมแทนใคร เดือดร้อนแทนใคร ไม่ต้องไปสวดมนต์ตอนที่ภัยมา เราไปสวดมนต์ที่ไหน อย่างไร ก็เพื่อความสงบในจิตใจ อย่าสวดด้วยความไหวหวั่น ป้องกันใครให้พ้นผิดพ้นภัย นั่นไม่ใช่หน้าที่ของมนต์ มนต์ทำให้ความสงบเกิดขึ้น ก็ขอให้ถึงจุดสงบ จบกันไวๆ

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login