วันพฤหัสที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

แน่จริง..ก็เข้ามาเลย / โดย สนานจิตต์ บางสพาน

On December 12, 2016

คอลัมน์ : สากกะเบือยันเรือรบ
ผู้เขียน : สนานจิตต์ บางสพาน

ข่าวมหาเศรษฐีหรือทุนระดับชาติอย่าง “หมอเสริฐ” เจ้าของบางกอกแอร์เวย์ส โรงพยาบาลกรุงเทพ ซื้อโรงแรมฮิลตันมาทำศูนย์การแพทย์ด้วยเงินหมื่นกว่าล้าน กับ “เสี่ยเจริญ” มหาเศรษฐีน้ำเมา ที่อำกันว่าซื้อที่ดินจนจำไม่ได้ว่าจังหวัดไหน ตรงไหนบ้าง เข้าไปเทคโอเวอร์สื่อทีวีดิจิตอล อาจจะเป็นที่ฮือฮา ไม่ว่าจะ “อมรินทร์” ที่กลายเป็นของ “เสี่ยช้าง” หรือ “ช่องวัน” ที่กลายเป็นช่องที่สองของ “พีพีทีวี” ของ “หมอเสริฐ”

ไม่ต้องพูดถึงวงเงินที่ใช้ซื้อ มัน “เศษเงิน” ของ 2 มหาเศรษฐีอันดับต้นๆของเมืองไทย ที่น่าสนใจกว่าคือ 2 มหาเศรษฐีจะมีเงินให้เผาเล่นได้สักกี่น้ำ

สนจ. เคยอยู่กับทีวีมา 10 ปีเต็มๆ อยู่กับ “3 ประ” แห่งตระกูล “มาลีนนท์” กว่า “มาลีนนท์” จะมีมูลค่าหุ้นและสินทรัพย์หลักหมื่นล้านได้ไม่ใช่เรื่องฟลุคหรือส้มหล่น มันเป็นเรื่องลองผิดลองถูก ประสบการณ์ สติปัญญา กึ๋นและจังหวะ โอกาส รวมถึงฝีมือและการเมืองล้วนๆ

สนจ. เฉยๆนะ เพราะเขียนมาตั้งแต่ก่อนจะมีการประมูลทีวีดิจิตอล 24 ช่องว่า คอยดู “ศพ” ก็แล้วกัน และเขียนอีกไม่รู้กี่หนว่าจะมี “หมูไม่กลัวน้ำร้อน” ตายหมู่ให้เห็นกว่า 12 ช่อง ตอนนี้ที่ชัดๆแล้ว 3 ช่องคือ เจ๊ติ๋ม-ทีวีพูล เจ้าแรก ตามมาด้วยอมรินทร์และช่องวัน ที่เหลือก็หืดจับ น้ำลายเหนียวคอทั้งนั้น

“กาแฟดำ” มีอยู่แล้ว 1 ช่อง ไปเอามาอีกช่องก็รากเลือดสิ ไม่ต่างจากช่อง 3 คราวนี้ก็รากเลือด ช่อง 3 รวมของเก่ากลายเป็น 3 ช่อง พะอืดพะอมอยากคายของเก่า รวมถึงของที่กินเข้าไปใหม่กันถ้วนหน้า เดลินิวส์ก็อยู่ในกลุ่มตกชั้นเหมือนกัน ยิ่งมีศึก “กงสี” บวกเข้าไปอีก อนาคตแทบไม่ต้องทำนาย

ทำทีวีไม่ใช่ขายก๋วยเตี๋ยว สะแคร๊บท่านผู้โชม…ของพรรค์นี้ “ทางใครทางมัน” มันเป็น “ทางเฉพาะ” ไม่ใช่สักแต่มีเงินแล้วจะทำกันได้ ทำทีวีก็เหมือนทำหนังนั่นแหละ “เสี่ยเจียง” ไทคูนวงการหนังหรือประมุขพรรคมาร เคยกล่าวอมตะวาจาไว้ว่า “ดวงดีก็เหมือนพิมพ์แบงก์ ดวงซวยก็เหมือนเผาแบงก์” ถ้าเก่งไม่เจอเฮง

ที่สำคัญพวกที่ไม่เคยบริหารจัดการ แต่อาศัยเงินจ้าง แล้วกวาดต้อนผู้คนในวงการด้วยการจ่ายแพงกว่า คิดหรือว่าทุกคน “ของแท้” มันก็เหมือนสโมสรฟุตบอล ลีกอังกฤษก็แบบ ลีกเมืองเบียร์ก็แบบ ลีกน้ำหอมก็อีกแบบ ยิ่งแดนกระทิงก็ไปอีกเรื่องเลย

ทีวีก็เหมือนกัน พวกมีเงินแล้วอยากมีทีวีไว้ประดับบารมีสักช่อง เอาไว้เป็นเอเจนซี่ผ่องถ่ายเงิน ทำซีเอสอาร์หรือโปรโมตธุรกิจหลักและในเครือ คิดว่ารู้จัก “วัฒนธรรมองค์กร” ธรรมชาติของวงการทีวี คนทำทีวีและตลาดดีพอหรือ รู้จักคำว่า “แพลตฟอร์ม” กันแค่ไหน ระหว่าง “เทเลวิชั่น บรอดแคสต์” กับ “เทเลวิชั่น คอมมิวนิเคชั่น” มันต่างกันยังไง กรรมวิธีในการผลิต การวางผังรายการ และการบริหารจัดการต้องทำยังไง

ที่สำคัญเค้กหรือเนื้อสันมีอยู่ก้อนเดียวชิ้นเดียว ขนาดไทยรัฐที่ว่าแน่ๆมีเป็นหมื่นล้านยังหน้าเขียวหน้าเหลือง เพราะมาแบบ “ตัวเปล่า” คอนเทนต์ต้องผลิตใหม่หมด แถมต้องลงเงินสด กว่าจะได้ม้วนเทปเข้าไปวางไว้บนชั้นเก็บในห้องสมุดที่เหลือพอหมุนเวียนการออกอากาศ 24 ชม. นี่คือบทพิสูจน์ว่าไทยรัฐจะไปได้แค่ไหนกับทีวีหลังจากที่พยายามมาตั้งแต่ยุคป๊ะยังมีชีวิต สมัย สนจ. ยังอยู่ช่อง 3

เข้ามาเลย “นายทุน” ทั้งหลายถ้าคิดว่าแน่จริง ตอนนี้ที่น่าจะรอดตัวเพราะมีสต็อกคอนเทนต์และบุญเก่าสะสมก็คือเวิร์คพอยท์ อาร์เอส ช่อง 7 และช่อง 3 ที่เหลือน้ำบานและน้ำลายเหนียวคอแน่นอน ไม่เชื่อก็ดูกันไป

ใครสนใจจะจ้างอดีตคนเคยทำทีวีอย่าง สนจ. บอก อยากหวนคืนยุทธจักรอีกสักรอบเหมือนกัน ดูสิว่าตำราวิชามารที่ร่ำเรียนมากับ “3 ประ” แห่งตระกูลมาลีนนท์ในการทำทีวีจะยังหลงเหลือติดตัวอยู่หรือเปล่า…ฮา


You must be logged in to post a comment Login