วันพฤหัสที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

ฤาษีในถ้ำร้าง/ โดย ศิลป์ อิศเรศ

On December 12, 2016

คอลัมน์ : ร้ายสาระ
ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ

นักโบราณคดีเข้าไปสำรวจถ้ำกลางป่าลึก แต่ถ้ำมีขนาดใหญ่มาก ทำให้ทีมสำรวจหลงหาทางออกไม่เจอนานกว่า 6 ชั่วโมง ขณะที่รู้สึกสิ้นหวังว่าพวกเขาต้องเอาชีวิตมาทิ้งกลางป่าพลันก็มีฤาษีตนหนึ่งปรากฏกายขึ้นแล้วพาทีมสำรวจออกนอกถ้ำได้สำเร็จ

ยุคทองของนักสำรวจค่อยๆริบหรี่ลงเมื่อเริ่มเข้าสู่สมัยศตวรรษที่ 20 สถานที่ที่คนไม่รู้จักมาก่อนหลายแห่งได้รับการเยี่ยมเยียนโดยนักสำรวจ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าทุกตารางนิ้วบนโลกได้รับการสำรวจหมดแล้ว

มีสถานที่อีกมากมายที่มนุษย์ยังไม่ย่างกรายเข้าไปถึง ไม่ใช่เพราะสถานที่เหล่านั้นมีภยันตรายเกินกว่าที่จะมีคนกล้าเสี่ยงชีวิตไปสำรวจ แต่เป็นเพราะไม่มีใครรู้ว่ามีสถานที่แบบนี้อยู่บนโลก

ถ้ำโลล์ทันซ่อนตัวอยู่ในป่ายูคาทัน ประเทศเม็กซิโก ชื่อถ้ำเป็นภาษามายัน มีความหมายว่า “ศิลาดอกไม้” เป็นถ้ำขนาดใหญ่ มีซอกหลืบสลับซับซ้อนรวมระยะทางยาวกว่า 2 กม. ซึ่งได้รับการจัดลำดับว่าเป็นถ้ำขนาดใหญ่ที่สุดในเม็กซิโก

ถ้ำโลล์ทันไม่ใช่ถ้ำใหม่ที่เพิ่งถูกค้นพบ คนโบราณสมัยกว่าพันปีก่อนเคยอยู่อาศัยภายในถ้ำแห่งนี้มาก่อน ดังจะเห็นได้จากภาพวาดโบราณบนผนังถ้ำ และพบโครงกระดูกสัตว์หลายชนิด เช่น ควายและกวาง ซึ่งน่าจะเป็นสัตว์ที่ถูกมนุษย์ล่ามาเป็นอาหาร

สำรวจถ้ำ

ปี 1931 โรเบิร์ต สเตซี่-จัดด์ นักโบราณคดีชาวอังกฤษ พาทีมงานเดินทางบุกป่ายูคาทันเพื่อสำรวจถ้ำโลล์ทัน เนื่องจากเขามีความสนใจเรื่องราวของชาวมายันเป็นพิเศษ และเชื่อว่าชาวมายันเคยอาศัยอยู่ในถ้ำแห่งนี้มาก่อน

แม้ว่าจะมีชื่อถ้ำโลล์ทันอยู่ในแผนที่ แต่ไม่มีข้อมูลใดๆเกี่ยวกับมันเลย ซึ่งหมายถึงว่ายังไม่เคยมีใครเข้ามาสำรวจภายในถ้ำแห่งนี้อย่างแน่นอน โรเบิร์ตพาคณะสำรวจเข้าไปในถ้ำที่มืดมิดโดยใช้คบเพลิงจนกระทั่งเดินทางไปถึงห้องโถงใหญ่ พวกเขาก็ต้องประหลาดใจที่พบการทำเครื่องหมายบนผนังถ้ำ หมายความว่าเคยมีนักสำรวจบางคนเข้ามาในนี้มาก่อน

โรเบิร์ตมองหาซอกหลืบเพื่อที่จะนำไปสู่ตอนในของถ้ำที่ลึกมากกว่านี้ เพราะมันเปล่าประโยชน์ที่เขาจะเข้าถ้ำมาแล้วพบว่ามีคนอื่นมาถึงตรงนี้ก่อนหน้าแล้ว มันเป็นซอกเล็กๆขนาดพอดีตัว คณะสำรวจต้องสอดตัวเข้าไปในซอกแล้วค่อยๆใช้หน้าท้องดันให้ตัวเคลื่อนที่ไปข้างหน้าเหมือนงูเลื้อย

ยิ่งคืบคลานเข้าไปลึกเท่าไร บรรยากาศก็ยิ่งมืดและเยือกเย็น นอกจากนั้นเส้นทางยังเลี้ยวลดคดเคี้ยววกวนจนดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด แต่แล้วในที่สุดคณะสำรวจก็ทะลุเข้ามาถึงห้องโถงใหญ่อีกแห่งหนึ่ง

เข้าได้ ออกไม่ได้

คณะสำรวจตื่นเต้นมากที่ได้พบถ้ำขนาดใหญ่อีกแห่งซ่อนตัวซ้อนอยู่กับถ้ำที่พวกเขามุดผ่านเข้ามา พวกเขาเดินสำรวจรอบๆและทำการบันทึกภาพ โรเบิร์ตเชื่อว่าอาจจะมีถ้ำอื่นๆซ่อนอยู่ลึกลงไปอีก คณะสำรวจเริ่มมองหาซอกหลืบอื่นๆที่อาจหลบเร้นสายตา

เมื่อเวลาผ่านไปเปลวคบเพลิงโบกสะบัดเหมือนต้องลมผิดวิสัยของคบเพลิงที่อยู่ในสถานที่ปิด โรเบิร์ตเริ่มใจคอไม่ดี หรือว่าบางทีพวกเขากำลังอยู่ในสถานที่อาถรรพณ์เช่นสุสานโบราณ จึงทำให้คบเพลิงมีปฏิกิริยาแปลกๆ

โรเบิร์ตยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา เขาอยู่ในนี้นานเกือบ 6 ชั่วโมงแล้วโดยไม่พบซอกหลืบใดๆ และไม่พบแม้กระทั่งซอกหลืบที่พาคณะสำรวจเข้ามาที่นี่ พวกเขาเริ่มขวัญเสีย ต่างคิดว่าอาจต้องเอาชีวิตมาทิ้งในถ้ำแห่งนี้เสียแล้ว

ทันใดนั้นเองก็มีแสงไฟส่องออกมาจากส่วนลึกของถ้ำ และค่อยๆคืบคลานตรงมาที่คณะสำรวจเรื่อยๆจนกระทั่งพอจะมองเห็นร่างของชายชราคนหนึ่งเดินถือคบเพลิง

มาตามนิมิต

ชายชราผิวสีเข้มและเหี่ยวย่น ใบหน้านิ่งเฉยไร้ความรู้สึก ดวงตาลึก ผมและหนวดยาวสีขาว ห่มร่างกายด้วยผ้าขาวมีเชือกมัดรอบเอว สวมรองเท้าสานชนิดที่มีเชือกพันรอบข้อเท้า เขาแสยะยิ้มที่มุมปากนิดหนึ่งเมื่อเดินมาถึงตรงหน้าคณะสำรวจ

รูปร่างหน้าตาและการแต่งกายของชายชราบ่งบอกว่าเป็นชาวมายัน คณะสำรวจกระซิบกระซาบกันว่าชายชราผู้นี้อาจเป็นผู้พิทักษ์สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ตามตำนานของชาวมายัน เขาอาศัยอยู่ในถ้ำที่มืดมิดนานกว่าพันปี นานจนทำให้สูญเสียประสาทการมองเห็นเพราะอาศัยอยู่ในที่มืดนานเกินไป

ขณะที่คณะสำรวจยืนตะลึงกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า ชายชราก็เอ่ยขึ้นว่าเขาเกิดนิมิตเห็นภาพคณะสำรวจหลงทางในถ้ำโลล์ทัน ดังนั้น เขาจึงมาที่นี่เพื่อชี้ทางออกจากถ้ำให้กับคณะสำรวจ

คณะสำรวจไม่มีทางเลือก พวกเขาจำเป็นต้องเดินตามชายชราลึกลับไปตามทางแคบๆ แทรกตัวตามซอกหลืบต่างๆ โรเบิร์ตรู้สึกเหมือนกำลังลงลึกเข้าไปในถ้ำมากยิ่งกว่าเดิม

ฝากชีวิตกับฤาษี

โรเบิร์ตไม่รู้สึกคุ้นเส้นทางที่ชายชรานำทางไป คณะสำรวจไม่ได้เข้ามาทางนี้แน่ๆ แต่ลึกๆในใจหวังว่าชายชราจะพาคณะสำรวจออกมาที่ปากถ้ำได้ แต่ยิ่งเดินก็ยิ่งมั่นใจว่าไม่เคยผ่านเส้นทางนี้มาก่อน หรือว่าชายชราจะพาพวกเขาหลงทางลึกลงไปในถ้ำยิ่งกว่าเดิม

ในที่สุดชายชราก็พามาถึงห้องโถงใหญ่ที่คณะสำรวจใช้เป็นทางผ่านเข้าไปในส่วนลึกของถ้ำ และยังคงนำทางต่อไปจนถึงปากทางเข้าถ้ำ โรเบิร์ตยกกล้องขึ้นถ่ายภาพชายชราแล้วเขาก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าชายชรามีดวงตาที่บอดสนิท

โรเบิร์ตล้วงเงินเหรียญในกระเป๋ามอบให้ชายชราเป็นสินน้ำใจตอบแทนความช่วยเหลือ ดูเหมือนว่าเงินตราไม่ได้มีความหมายใดๆกับชายชราแม้แต่น้อย แต่เขาก็ยอมรับเอาไว้ก่อนที่จะเดินหายกลับเข้าไปในถ้ำ

โรเบิร์ตเขียนเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ Modesto News-Herald ฉบับวันที่ 3 มกราคม 1931 ภายใต้บทความเรื่อง Mystery of the Loltun Cave Hermit (เรื่องอัศจรรย์ของฤาษีในถ้ำโลล์ทัน)

หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าถ้าชายชราตาบอดแล้วเขาถือคบเพลิงทำไม อาจเป็นเพราะเขาถือคบเพลิงเพื่อให้คณะสำรวจเดินตามถูกทางก็เป็นได้ หากเรื่องที่โรเบิร์ตเล่าเป็นความจริง สิ่งที่น่าสงสัยกว่านั้นคือ เขาเป็นใคร และรู้ได้อย่างไรว่ามีคณะสำรวจหลงทางอยู่ในถ้ำ


You must be logged in to post a comment Login