วันพฤหัสที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

สนุกดีเมืองไทย / โดย สนานจิตต์ บางสพาน

On November 29, 2016

คอลัมน์ : สากกะเบือยันเรือรบ
ผู้เขียน : สนานจิตต์ บางสพาน

ท่ามกลางความฝืดเคือง ข้าวยากหมากแพง เมืองไทยยังมีอะไรให้ครึกครื้น ขันขื่นและขื่นขมกันได้เรื่อยๆแบบหมดเรื่องนี้ก็มีเรื่องนั้น หมดไอ้หอกนั่นก็มีอีนังนี่มาให้ได้สมเพชเวทนา เย้ยหยัน เสียดสี อำ ล้อเลียน และหัวเราะพอแก้เซ็งกันไปได้ ท่ามกลางภาวะเงียบงันและเศร้าโศกของคนไทยสำหรับการสูญเสีย

หมดจากเรื่องคนหนุ่มจากชนชั้นกลางรุ่นใหม่ตีราคารถหรูมากกว่าความเป็นคนถึงขั้นให้คน “กราบรถ” หลังจากคนไทยกราบต้นกล้วย กราบจิ้งจกห้าหาง กราบสารพัดมาแล้ว

เราก็มีวาทยกรรุ่นใหญ่ที่ “เยอะ” จนโดนด่ากันขรมระหว่างไต่อยู่บนเส้นบางๆของวุฒิภาวะและความไม่รู้จักกาลเทศะ เอาว่าโดนกระหน่ำด่าจนต้องหายไปจากกระแสกันชนิดไร้ร่องรอย

ล่าสุดนักพูดสาววัยละอ่อนกับถ้อยคำสร้างความรังเกียจเดียดฉันท์ ไม่ว่าจะฟังทีละท่อนหรือฟังทั้งหมด ยังไงนัยและหมายความระหว่างคำต่อคำ ประโยคต่อประโยค และบรรทัดต่อบรรทัด ก็ถือว่าไร้วุฒิภาวะอย่างสิ้นเชิง

ตอนนี้กลายเป็นว่าเธอ “เละเป็นโจ๊ก” โดนระเบิดไปอีกราย ถือเป็นรายล่าสุดที่เศษซากข้าวหมู ขิง ต้นหอม ตับ ไส้กระเด็นกระดอนเปื้อนใครต่อใครไปด้วย โดยเฉพาะ “ทหาร”

แน่นอนว่างานหาย เงินหด ชื่อเสียงเละ เธอน่าจะเป็นรายล่าสุดที่ต้องใช้วิชา “ความสงบสยบความเคลื่อนไหว” กว่าจะกลับมาสู่อาชีพเดิมได้คงอีกนาน เผลอๆอาจต้องเปลี่ยนอาชีพไปเลยก็ได้

เรื่องแบบนี้ทำไมไม่มีใครจำ “น้าชาติ” กันบ้างเลย โดยย้ำตลอดเวลาว่า “คำพูดเป็นนายเรา”

ระเบิดน้ำมันหมู ความฝันของปุ๋ย และอีกมากมายหลายประโยคจากบุคคลสาธารณะ ล้วนแล้วแต่จบลงด้วยชะตากรรมของคนพูด

ไม่เว้นแม้กระทั่งนักการเมืองทั้งเหลืองและแดง จนมาถึง “มึงกราบรถกูเดี๋ยวนี้” ยันน้อง “ดีที่สุด” ที่อ้างตัวเองว่าเป็นนักพูดเพื่อชาติ ศาสนา และสถาบัน แต่คิดราคาชั่วโมงละ 30,000 บาท

โบราณบอกว่า “ปากพาจน” แต่ สนจ. ว่านี่คืออาการ “เมาไมโครโฟน” ที่ลุกลามจากนักการเมืองไปสู่นักพูดหาเงินกันแล้ว

ก็รอดูว่าสัปดาห์หน้า เดือนหน้า หรือปีหน้า ใครจะลุกขึ้นมาสร้างความขันขื่นให้คนไทยได้หัวเราะแก้เซ็งกับสภาพข้าวยากหมากแพงกันอีก

ยังจะมีผู้คนที่เกี่ยวข้องและหากินกับสถาบันอีกหรือไม่ ภาพเธอนั่ง ฮ.ทหารนี่มัน “ฟ้อง” ยิ่งกว่าคำให้การใดๆซะอีก ก็เอาตามที่พวกเพ่สบายใจก็แล้วกัน อยากทำอะไรก็ทำ

พวกผมก็อยู่ๆกันไป ถือว่าจ่ายค่าเช่าเป็นภาษีกันไปแล้ว อยู่ได้หรือไม่ได้ก็ต้องอยู่กันล่ะ ทำไงได้

อย่างน้อยก็ได้อยู่ดู “คนแก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน” เสียคนกันเป็นรายๆไป

ที่สำคัญกว่านั้นคือ มันไม่เลือกวัยและฐานะกันแล้ว พ.ศ. นี้!


You must be logged in to post a comment Login