วันพุธที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

คนดี-ผู้เสียสละ / โดย ลอย ลมบน

On November 21, 2016

คอลัมน์ : จับกระแสการเมือง
ผู้เขียน : ลอย ลมบน

บ้านเมืองในยุคที่ถูกปกครองด้วยคนดี หลายคนอาจคิดว่าเต็มไปด้วยผู้เสียสละที่อุทิศตนทำงานเพื่อบ้านเมืองโดยไม่หวังผลประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม

แต่สิ่งที่คิดอาจไม่มีในความเป็นจริง

หลายวันที่ผ่านมามีคนออกมาเปิดเผยข้อมูลที่อาจทำให้หลายคนหูตาสว่างมากขึ้น หากไม่จมปลักกับคำว่าคนดีมากนัก

นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ที่ใครก็รู้ว่าเป็นสลิ่มตัวพ่อคนหนึ่ง ออกมาพูดอย่างไม่เกรงใจคนถือปืนปกครองประเทศว่า ยุคนี้ไม่มีคนดีที่เสียสละอย่างแท้จริง

“เลิกดราม่ากันเสียที ธาตุแท้มันเปิดให้คนทั้งประเทศเห็นหมดแล้ว ปากบอกรักพ่อ จงรักภักดี เทิดทูนพ่อ จะเดินตามรอยพ่อ จะขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป แต่ทหาร คสช. ที่แย่งยึดอำนาจ เข้ามาเป็นนักการเมือง รวมถึงข้าราชการทั้งหลาย จะมีสักกี่คนที่คิด พูด และทำทุกอย่างเพื่อชาติและประชาชนไทย จะมีสักกี่คนที่ปฏิบัติตนตามเบื้องพระยุคลบาทของในหลวง

บอกตรงๆ เกือบทั้งหมดไม่ได้เสียสละจริง นอกจากไม่เสียสละแล้ว ยังมุ่งแต่กอบโกยโลภมาก มีโอกาสก็ทำทุจริตคอร์รัปชัน เงินเดือนที่พวกคุณได้รับอยู่ทุกวันนี้ก็มากกว่าชาวบ้านมากกว่าครึ่งประเทศ รัฐบาลทหาร คสช. ยังบอกว่าเงินเดือนน้อย จะขอขึ้นเงินเดือน ผลตอบแทน และสวัสดิการอื่นๆ แต่เมื่ออยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจก็ยังกล้าทำทุจริตคอร์รัปชันเสียอีก

ที่เห็นๆกันอยู่ก็คือ เกือบทั้งหมดรับเงินเดือนหลายทาง ไม่อายต่อสายตาคนไทยทั้งชาติ พอถูกต่อว่าถูกทัดทานก็พูดอย่างไม่อายว่าใครๆเขาก็ทำ ตัวอย่างเช่น กรณีของ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม น้องชายนายกรัฐมนตรี ที่รับเงินเดือนในตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมแล้วยังรับเงินเดือนสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนอีกหลายเรื่อง จึงทำให้ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ที่ได้รับการแต่งตั้งจาก คสช. ให้มาดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. อ้างทำตามบ้างอย่างไม่ได้รู้สึกละอายแก่ใจเลย ไม่อายต่อสายตาของคนไทยส่วนใหญ่”

นายวีระแม้จะได้ชื่อว่าสลิ่มตัวพ่อ แต่ก็ออกมาวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลทหาร คสช. อย่างตรงไปตรงมาหลายครั้ง ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ทำให้ได้เห็นความจริงของบ้านเมืองในอีกแง่มุมหนึ่ง ต่างจากผู้สนับสนุนรัฐประหารหลายคนที่มักเลือกมองข้าม ไม่ขอพูดถึง ไม่วิพากษ์วิจารณ์ และบางคนเลือกที่จะช่วยแก้ตัวให้

เช่นเดียวกับนายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่พูดในทำนองเดียวกันว่า ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รวมถึงสมาชิก คสช. หลายๆคนก็ได้โจมตีนักการเมืองมาตลอดว่า การรับเงินเดือนหลายทางนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควร แต่เอาเข้าจริงๆกลุ่มคนเหล่านั้นก็อ้างว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาพิเศษ รับได้ ตอนนี้ไม่ว่าใครจะได้รับแต่งตั้งกี่ตำแหน่งก็รับเงินเดือนได้ทุกทาง

“วันที่คุณเข้ามาอ้างว่าเสียสละให้บ้านเมือง แต่พอดูข้อเท็จจริงคุณไม่ได้เสียสละอะไร แต่เอามากกว่าปรกติ ถามว่าเสียสละกันอย่างไร เพราะรับเงินเดือนตั้ง 2 ทาง 3 ทาง ดังนั้น จึงน่าจะทำให้เป็นต้นแบบให้เหมาะสม”

แม้กรณีของนายวิลาศจะโฟกัสไปที่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ที่หัวหน้า คสช. แต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมถ่างขาควบตำแหน่งสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กินเงินเดือน 2 ทาง แต่ก็ชี้ให้เห็นว่ายังมีอีกหลายคนที่ถ่างควบหลายเก้าอี้แล้วกินเงินเดือน 2-3 ทาง

เรื่องโจมตีนักการเมืองว่าเป็นพวกโลภมาก แสวงหาแต่ผลประโยชน์ ไม่เสียสละ เป็นเรื่องที่ได้ยินกันมานาน

แต่เมื่อบ้านเมืองอยู่ในยุคที่ไม่ได้ปกครองโดยพรรคการเมืองกลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างยังเป็นไปแบบเดิม กินเงินเดือนหลายทาง แต่งตั้งคนใกล้ชิด ลูก เมีย ให้มีตำแหน่งกินเงินเดือน ปล่อยคนใกล้ชิดหาผลประโยชน์จากการประมูลงานของรัฐ ยังมีอยู่เป็นปรกติ โดยอ้างว่าไม่แปลก เป็นเรื่องที่ใครๆเขาก็ทำกัน

ถ้าเรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างการรับผลประโยชน์หลายทาง มีผลประโยชน์ทับซ้อนจากการแต่งตั้งคนใกล้ตัวให้มีตำแหน่งกินเงินเดือนรัฐ หรือหาผลประโยชน์จากการประมูลงานของรัฐยังทำไม่ได้ ก็น่าสงสัยเหมือนกันว่าการปฏิรูปเรื่องใหญ่ๆที่จะทำให้บ้านเมืองเกิดความเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นนั้นจะทำได้อย่างไร

การเปลี่ยนแปลงควรเริ่มจากเรื่องเล็กๆน้อยๆไปหาเรื่องใหญ่ และผู้มีอำนาจทั้งหลายต้องทำตนให้เป็นแบบอย่าง

หากเรื่องเล็กๆน้อยๆยังทำไม่ได้ จะเรียกตัวเองว่าเป็นคนดี คนเสียสละเพื่อบ้านเมืองได้อย่างไร


You must be logged in to post a comment Login