วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2567

เรียกค่าเสียหาย‘กอบกาญจน์’! / โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย

On November 10, 2016

คอลัมน์ : โลกอสังหาฯ
ผู้เขียน : ดร.โสภณ พรโชคชัย

นับตั้งแต่รัฐบาลโดยนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แก้ปัญหา “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” หรือ Zero-Dollar Tour ปรากฏว่านักท่องเที่ยวหายจ้อย สงสัยว่าต้องจ่ายค่าชดเชยความเสียหายนับหมื่นล้านหรือไม่ เรามาลองดูกัน

เมื่อวันศุกร์และเสาร์ที่ 4-5 พฤศจิกายน 2559 ที่ผ่านมา ผมได้พานักศึกษาของโรงเรียนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.trebs.ac.th) ไปดูงานอสังหาริมทรัพย์ที่เมืองพัทยา พบว่าโรงแรมในพัทยาเงียบเหงาเป็นอย่างมาก สาเหตุหนึ่งเกิดจากการปราบปราม “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ทำให้นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาน้อยลงเป็นอย่างมาก

บางท่านไม่เข้าใจว่า “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” คืออะไร นี่เป็นการจัดทัวร์จากจีนในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุน บริษัททัวร์ส่งลูกทัวร์ทั้งกรุ๊ปมาให้บริษัททัวร์ในไทยโดยไม่ต้องจ่ายค่านำเที่ยวใดๆแม้แต่เหรียญเดียว นักท่องเที่ยวจะถูกไกด์เถื่อนพาตระเวนซื้อของแพงๆด้วยราคาสุดโหด รวมถึงโชว์ต่างๆ เพื่อรีดเอากำไร หากนักท่องเที่ยวไม่ยอมจ่ายหรือจ่ายน้อย บริษัททัวร์ก็มีรายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่าย ไกด์จึงต้องใช้กลยุทธ์ต่างๆ ทั้งอ้อนวอน บังคับขู่เข็ญ เช่น ไม่ให้กุญแจห้อง ยึดพาสปอร์ต บางทีร้ายแรงถึงขั้นทำร้ายลูกทัวร์ หรืออาจถูกลอยแพเลยก็ได้ (http://bit.ly/2fdjY7k)

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยกลับแก้ปัญหาด้วยการบุกทลายและตรวจค้น บจก.โอเอ ทรานสปอร์ต และบริษัทเครือข่ายอีก 4 แห่ง อายัดรถบัสนำเที่ยว 2,086 คัน บัญชีเงินสดกว่า 90 บัญชี มูลค่ากว่า 13,000 ล้านบาท เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา (http://bit.ly/2fqpAxZ) ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนหายวับไปในทันใด ที่สำคัญปฏิบัติการนี้ยังน่ากังขาที่จับแม่และลูกชายที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว เพิ่งกลับจากเมืองนอกแค่ 2 เดือน แทนที่จะดำเนินคดีตามปรกติทั่วไป กลับติดคุกในข้อหา “อั้งยี่” และไม่ให้ประกันตัว แต่บริษัทของอดีตนายตำรวจใหญ่บางคนที่เกี่ยวข้องและมีพฤติกรรมคล้ายกันกลับไม่โดนตรวจสอบ (http://bit.ly/2f6mO07)

ข่าวล่าสุดพบว่า “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” หนีไทยไประบาดที่เกาหลี-ญี่ปุ่น-ยุโรป (http://bit.ly/2f8niAs) โดยบริษัททัวร์จีนขอยกเลิกเที่ยวบินกับสายการบินแอร์เอเชียแล้ว 64,000 รายต่อเดือน ยังไม่รวมโรงแรม 3-4 ดาว (นักท่องเที่ยวจีน) หายไปแล้ว 65% บริษัททัวร์กว่า 200 รายไม่กล้าทำธุรกิจต่อ หลายประเทศใช้โอกาสนี้จัดแพ็กเกจท่องเที่ยวราคาถูก เช่น จีน-เกาหลีใต้ 5 วัน ในราคา 1,700 หยวน จีน-ญี่ปุ่น 6 วัน 3,499 หยวน จีน-ฝรั่งเศส-อิตาลี 12 วัน 4,194 หยวน จีน-เยอรมนี-สวิตเซอร์แลนด์ 12 วัน 3,564 หยวน เท่ากับว่าหลายประเทศทำ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” หรือประเทศอื่นรู้จักวิธีจัดการ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ได้ดีกว่า

อาจกล่าวได้ว่ารัฐบาลไม่ถ่องแท้ถึงการแก้ไขปัญหา มองว่า “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ไม่ได้ให้อะไรแก่ประเทศไทย เงินตกแก่บริษัททัวร์จีน ซึ่งไม่ใช่ความจริง ปี 2558 กรมการท่องเที่ยวระบุว่า มีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาประมาณ 8 ล้านคน แต่ละคนใช้เงินเกือบ 6,000 บาท หรือใช้เงินรวม 48,000 ล้านบาท ซึ่งปีนี้ควรเติบโตกว่าปีก่อน 10% หรือเป็นเงิน 52,800 ล้านบาท แต่ใน 4 เดือนหลังนี้ นักท่องเที่ยวจีนหายไป 60% รายได้เหลือเพียง 42,240 ล้านบาท หายไป 10,560 ล้านบาท

ค่าเสียหายเหล่านี้นางกอบกาญจน์จะชดใช้หรือไม่ คนที่ทำงานโรงแรมแล้วถูกให้ออกจากงาน จักรยานยนต์รับจ้าง แม่ค้า ฯลฯ ที่ตกงาน นางกอบกาญจน์จะรับผิดชอบอย่างไร หากคนเหล่านี้ต้องไป “หากินแนวนอน” ไปเป็นขโมย เป็นโจร ด้วยความคิดชั่วแล่น ครอบครัวก็พังพินาศไป เชื่อว่ารัฐบาลไม่เข้าใจถ่องแท้ถึงกิจการ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ที่มีพัฒนาการมานาน ถ้าเข้าใจจะต้องไม่แก้ไขด้วยวิธีนี้ เพราะยังมีวิธีอื่นๆที่สามารถทำได้มากกว่าการดูคล้ายกลั่นแกล้งกัน

สิ่งที่รัฐบาลทำได้มีมากมาย เช่น ทำการวิจัยให้ถ่องแท้แล้วนำมาศึกษาเปรียบเทียบให้ดี อาทิ คนไทยไปเที่ยวจีนก็ต้องแวะตามร้านค้าที่เขาจัดให้ การแก้ปัญหามัคคุเทศก์เถื่อน การกำหนดราคาที่เหมาะสม การควบคุมการเกิดอาชญากรรม การตรวจสอบคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ (ไม่ใช่แบบไฟไหม้ฟาง) รวมถึงการให้รางวัล Travel Award บริษัททัวร์คุณภาพ และรางวัลมัคคุเทศก์ดีเด่น การสนับสนุนให้จัดรายการทัวร์มาตรฐานเหมาะสมกับราคา การประชาสัมพันธ์ให้ความรู้นักท่องเที่ยวจีนกับรายการท่องเที่ยวที่มีมาตรฐานและราคา พร้อมสร้างเครือข่ายร่วมกับนักท่องเที่ยวจีน และปรับปรุงกฎหมาย ฯลฯ (http://bit.ly/2fHDYTS)

นี่แหละครับ เราจึงควรช่วยรัฐบาลมอง จะได้ไม่แก้ปัญหาแบบ “เข้ารกเข้าพง” หาไม่รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอาจต้องร่วมกันชดใช้ความเสียหายด้วย


You must be logged in to post a comment Login