วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567

‘กขค’เลือกตั้งอเมริกา / โดย สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ

On November 8, 2016

คอลัมน์ : ถนนประชาธิปไตย
ผู้เขียน : สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ

ในวันที่ 8 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้จะเป็นวันเลือกตั้งใหญ่ในสหรัฐอเมริกา เพื่อตัดสินว่าใครจะเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป ซึ่งจะเป็นหนึ่งในผู้มีอำนาจสูงสุดของโลกในระยะ 4 ปีข้างหน้า โดยประธานาธิบดีจะรับตำแหน่งบริหารประเทศตั้งแต่เดือนมกราคมปี พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป

ตามรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริการะบุไว้ว่า ผู้ที่จะสมัครประธานาธิบดีมีคุณสมบัติเพียงเป็นพลเมืองอเมริกาโดยกำเนิด มีอายุอย่างน้อย 35 ปี แต่ในทางปฏิบัติผู้สมัครมักต้องเคยเป็นวุฒิสมาชิก ผู้ว่าการรัฐ หรือตำแหน่งทางการเมืองอื่นมาก่อน อันที่จริงการเลือกตั้งทุกครั้งมีพรรคการเมืองจำนวนมากส่งผู้สมัครชิงตำแหน่งและยังมีผู้สมัครอิสระอีกจำนวนหนึ่ง แต่ผู้สมัครที่มีโอกาสชนะเลือกตั้งจะมาจากพรรครีพับลิกันหรือเดโมแครตเพียง 2 พรรคเท่านั้น

ถึงกระนั้นต้องเข้าใจว่า 2 พรรคการเมืองใหญ่ของสหรัฐไม่ใช่องค์กรทางการเมืองที่มีระดับชั้นการนำที่เป็นเอกภาพและรวมศูนย์ แต่เป็นพรรคที่มีองค์กรกระจัดกระจายทุกมลรัฐ ผู้สมัครที่จะได้เป็นตัวแทนของ 2 พรรคลงสมัครประธานาธิบดีต้องหาเสียงสะสมคะแนนสนับสนุนให้ได้มากที่สุดในระดับมลรัฐ การหาเสียงรวบรวมคะแนนเริ่มในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

พรรคเดโมแครตมีผู้สมัครคือ ฮิลลารี คลินตัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ และคู่แข่งสำคัญคือ เบอร์นี แซนเดอร์ส วุฒิสภาจากเวอร์มอนต์ ส่วนพรรครีพับลิกันผู้นำสมัครสำคัญคือ โดนัลด์ ทรัมป์ มหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทนางงามจักรวาล เท็ด ครูซ วุฒิสมาชิกจากเทกซัส จอห์น คาซิช ผู้ว่าการรัฐโอไฮโอ และเจฟ บุช อดีตผู้ว่าการรัฐฟลอริดา น้องคนเล็กของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับบลิว บุช เป็นต้น จนถึงการประชุมใหญ่ของ 2 พรรคเดือนกรกฎาคมก็ชัดเจนว่าผู้ชนะคือ ฮิลลารี คลินตัน จากพรรคเดโมแครต และโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

ต่อมาผู้สมัครทั้งสองก็เลือกผู้สมัครรองประธานาธิบดี ฮิลลารีเลือกวุฒิสมาชิกทิม เคน จากเวอร์จิเนีย และทรัมป์เลือกไมค์ เพนซ์ ผู้ว่าการรัฐอินดีแอนา

ประเมินกันว่าผู้สมัครทั้ง 2 คนกลายเป็นคู่ต่อสู้ที่มีปัญหาที่สุดในประวัติศาสตร์ เริ่มจากเรื่องสูงอายุ เพราะทรัมป์มีอายุถึง 70 ปี ส่วนฮิลลารีอายุ 69 ปี ยิ่งกว่านั้นทั้งคู่ต่างมีจุดอ่อนมาก ปัญหาของทรัมป์แรกสุดมาจากการแสดงแนวความคิดอนุรักษ์นิยมจัด ต่อต้านผู้อพยพต่างชาติ ที่เป็นที่ฮือฮาคือ ทรัมป์หาเสียงโดยโจมตีชาวเม็กซิกันอพยพว่า “พวกเขานำมาซึ่งยาเสพติด, อาชญากรรม และยังเป็นพวกจอมข่มขืน” และยังบอกว่าสหรัฐอเมริกาต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมาตลอดในการค้าขายกับเม็กซิโก ต่อมายังยืนยันความเป็นจริงตามนโยบายนี้ โดยเสนอให้สร้างกำแพงกั้นพรมแดนอเมริกา-เม็กซิโก เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงงบประมาณที่จะใช้สร้าง ทรัมป์ยืนยันว่าจะให้รัฐบาลเม็กซิโกช่วยจ่าย การหาเสียงลักษณะนี้ทำให้ทรัมป์กลายเป็นที่เกลียดชังอย่างมากในเม็กซิโกและลาตินอเมริกา

ปัญหาต่อมาคือ ทรัมป์โจมตีชาวมุสลิมว่าเป็น “ผู้ก่อการร้าย” และเสนอให้ห้ามชาวมุสลิมเข้าประเทศ สำหรับชาวมุสลิมในอเมริกาจะให้ใช้บัตรประจำตัวชนิดพิเศษ กรณีนี้ทำให้ทรัมป์ถูกตอบโต้อย่างรุนแรงจากกาซาลา ข่าน หญิงชาวอเมริกันมุสลิม ที่ลูกของเธอไปเป็นทหารรบแล้วเสียชีวิตในอิรัก

นอกจากนี้การปราศรัยแบบปากไม่ดีของทรัมป์ก็นำไปสู่การทะเลาะกับคนอื่นเสมอ และยังมีข่าวเสียหายเกี่ยวกับเรื่องการเลี่ยงภาษีทางธุรกิจของเขา จนกระทั่งล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมามีการแฉหลักฐานที่ทรัมป์เคยพูดดูถูกผู้หญิงเมื่อ 11 ปีก่อน และยังมีเรื่องที่นินนี ลาคโซเนน อดีตนางงามฟินแลนด์ ออกมากล่าวหาว่าถูกทรัมป์จับสะโพกก่อนออกรายการโทรทัศน์เมื่อ พ.ศ. 2549 จนกระทั่งเมลาเนียผู้เป็นภรรยาของทรัมป์ต้องมาช่วยแก้ต่างว่าสามีของเธอเป็นสุภาพบุรุษ

สำหรับฮิลลารี ประเด็นสำคัญที่ถูกโจมตีคือ ระหว่างรับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศได้ใช้อีเมล์ส่วนตัวส่งเรื่องราวทางราชการ และเรื่องพฤติกรรมเกี่ยวกับสตรีของบิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดีผู้เป็นสามี และยังมีความหวาดระแวงว่าฮิลลารีเป็นฝ่าย “กระแสหลัก” ที่สืบเนื่องจากรัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา จึงจะไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ชัดเจน ประเด็นต่อมาคือปัญหาเรื่องสุขภาพ หลังจากที่เธอล้มป่วยระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง

ก่อนการเลือกตั้งผู้สมัครประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีจะได้รับเชิญให้มาออกรายการดีเบตทางโทรทัศน์ทั่วประเทศ การดีเบตเดือนตุลาคมที่ผ่านมามี 3 ครั้ง ผลสำรวจปรากฏว่าฮิลลารีแสดงการตอบโต้และอธิบายชนะใจผู้ชมได้ดีกว่า และจากการสำรวจล่าสุดฮิลลารีมีคะแนนนิยมนำอยู่ราว 47 ต่อ 41%

ระบบเลือกตั้งของอเมริกาตัดสินที่การเลือกตั้งทางอ้อม แม้จะมีการลงคะแนนจากประชาชนโดยตรงที่เรียกว่า “ป๊อปปูล่าโหวต” แต่ชัยชนะแท้จริงอยู่ที่ระบบเลือกทางอ้อมที่เรียกว่า “อิเล็กทอรัลโหวต” หรือคณะผู้เลือกตั้ง ซึ่งมาจากจำนวนเสียงทางอ้อมที่จัดให้แต่ละมลรัฐตามสัดส่วนประชากร เช่น รัฐนิวยอร์กจะมีเสียงผู้เลือกตั้ง 29 คะแนน รัฐแคลิฟอร์เนียมี 55 คะแนน รัฐเล็กเช่นโรดไอแลนด์มี 4 คะแนน เป็นต้น ผู้ชนะในแต่ละรัฐจะได้คะแนนเสียงผู้เลือกตั้งไปทั้งหมด ซึ่งทั่วทั้งประเทศจะมีคะแนนผู้เลือกตั้ง 538 คะแนน ผู้ชนะจะต้องได้เกินครึ่งคือ 270 คะแนนขึ้นไป ตัวอย่างจากการเลือกตั้งเมื่อ พ.ศ. 2555 โอบามาจากพรรคเดโมแครตได้เสียงผู้เลือกตั้ง 332 คะแนน มิต รอมนีย์ จากพรรครีพับลิกันได้ 209 คะแนน

สรุปจนถึงวันนี้ฮิลลารีน่าจะมีโอกาสชนะ ถ้าเป็นดังนี้สหรัฐจะมีประธานาธิบดีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ แต่นักวิเคราะห์ในสหรัฐก็ยังเห็นว่าทรัมป์มีโอกาสจากการสนับสนุนของกระแสอนุรักษ์นิยมฝ่ายขวาและฝ่ายล้าหลังในอเมริกาที่ยังเชื่อว่าทรัมป์เป็นทางเลือกใหม่ที่ดีกว่าสำหรับประเทศ เพราะฮิลลารีเป็นพวกสร้างภาพหลอกลวง แต่ทรัมป์เป็นคนจริงใจ ถ้าเป็นดังนี้สหรัฐก็จะมีประธานาธิบดีที่ขวาที่สุดในประวัติศาสตร์


You must be logged in to post a comment Login