วันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

อยู่เป็นชาย ตายเป็นหญิง / โดย ศิลป์ อิศเรศ

On October 24, 2016

คอลัมน์ : ร้ายสาระ
ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ

ตลอดระยะเวลากว่า 50 ปีที่นักดนตรีชายคนหนึ่งแต่งงานอยู่กินกับผู้หญิง 5 คน และมีลูกชาย 3 คน โดยที่บรรดาภรรยาและลูกๆไม่ระแคะระคายมาก่อนเลยว่าสามีและพ่อคนนี้แท้ที่จริงแล้วเป็นผู้หญิง

เช้าวันที่ 21 มกราคม 1989 บิลลี่ ทิปตัน นักดนตรีแจ๊สวัย 74 ปี ล้มนอนหมดสติอยู่ในรถบ้านที่เมืองสโปเคน รัฐวอชิงตัน ลูกชายของเขารีบโทรศัพท์เรียกหน่วยพยาบาลมารับไปรักษา ทีมพยาบาลฉุกเฉินคลายเสื้อผ้าผู้ป่วยเพื่อทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นกลับพบว่าบิลลี่ไม่ใช่ผู้ชาย

“พ่อคุณเคยผ่าตัดแปลงเพศหรือเปล่า?” บุรุษพยาบาลถามวิลเลี่ยม ผู้ที่โทรศัพท์ตามรถพยาบาล แม้ว่าวิลเลี่ยมจะเป็นแค่บุตรบุญธรรม แต่บิลลี่ก็เลี้ยงเขามาตั้งแต่ยังแบเบาะ โดยไม่เคยรู้หรือสงสัยมาก่อนเลยว่าพ่อของเขาเป็นผู้หญิง

ชีวิตของบิลลี่ ทิปตัน โลดโผนพิสดารพอๆกับนิยายเรื่อง “มาดามบัตเตอร์ฟลาย” หรืออาจโลดโผนมากกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะบิลลี่อยู่กินกับผู้หญิงถึง 5 คน มีเพศสัมพันธ์แบบสามีภรรยาทั่วไป แต่ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าบิลลี่เป็นผู้หญิง

สถานการณ์บังคับ

บิลลี่ ทิปตัน เกิดที่เมืองโอคลาโฮมาซิตี รัฐโอคลาโฮมา เมื่อปี 1914 มีชื่อจริงว่าโดโรธี ทิปตัน พออายุได้ 3 ขวบ บิดามารดาก็แยกทางกัน โดโรธีถูกส่งไปอยู่กับป้าที่เมืองแคนซัสซิตี รัฐมิสซูรี ซึ่งได้รับฉายาว่าเป็นเมืองศูนย์กลางดนตรีแจ๊ส

โดโรธีหลงใหลดนตรีแจ๊ส เธอมีพรสวรรค์ในการเล่นเปียโนและแซ็กโซโฟน แต่ถูกปฏิเสธให้ร่วมวงโรงเรียน เนื่องจากในยุคสมัยนั้นยังไม่ยอมรับนักดนตรีหญิง

แม่ของโดโรธีรับตัวเธอกลับมาที่โอคลาโฮมาซิตีในปี 1932 เธอเข้าศึกษาต่อในระดับมัธยมปลายที่โรงเรียนมัธยมปลายคอนเนอร์สเตท และนี่เป็นครั้งแรกที่โดโรธีได้รับการยอมรับให้ร่วมวงดนตรีโรงเรียน

เมื่อต้องขึ้นแสดงดนตรี โดโรธีจะรวบผมและแต่งกายแบบผู้ชายเพื่อให้กลมกลืนกับสมาชิกคนอื่นๆในวง จนต่อมากลายเป็นความชอบส่วนตัว การที่ผู้ชมคิดว่าเธอเป็นผู้ชายทำให้เธอไม่ถูกกีดกันหรือวิพากษ์วิจารณ์ สามารถเล่นดนตรีได้อย่างอิสระ เพราะในช่วงเวลานั้นยังมีประเพณีปฏิบัติว่านักดนตรีแจ๊สสงวนไว้ให้กับผู้ชายเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เองโดโรธีตัดสินใจสวมบทบาทผู้ชายอย่างถาวรโดยเปลี่ยนชื่อเป็น “บิลลี่”

หนุ่มหน้าอ่อน

ภายใต้บทบาทของบิลลี่ ประกอบกับฝีมือด้านดนตรีที่ไม่ธรรมดา ทำให้โดโรธีถูกเชิญเข้าร่วมวงดนตรีแจ๊สหลายวง นับตั้งแต่ปี 1935 บิลลี่ออกเดินสายเปิดการแสดงในคลับหลายแห่ง ด้วยใบหน้าหวานแบบผู้หญิงทำให้เขาถูกเรียกว่า “บิลลี่หน้าเด็ก”

ราวปี 1940 บิลลี่พบกับนอน ฮาร์เรลล์ นักเต้นรำสาวใหญ่ที่มีอายุแก่กว่าเขา 14 ปี ทั้งคู่ถูกชะตากันจนถึงขั้นหอบผ้าหอบผ่อนมาอยู่กินกันฉันสามีภรรยา แต่ชีวิตรักหักสะบั้นลงหลังจากนั้นเพียง 2 ปี

หลังจากนั้นบิลลี่ไปมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับนักร้องสาวชื่อจูนระยะหนึ่งก่อนที่จะมาตกล่องปล่องชิ้นอีกครั้งในปี 1946 กับสาวน้อยวัย 18 ปี เบ็ตตี้ ค็อกซ์

บิลลี่พร่ำบอกเบ็ตตี้เสมอว่าอยากมีลูกกับเธอ แต่เบ็ตตี้ก็ไม่ตั้งครรภ์สักที ทำให้เธอคิดไปเองว่าเธออาจเป็นหมันหรือมีลูกยาก หลังจากอยู่กินด้วยกันนาน 7 ปี ทั้งคู่ก็เลิกร้างกัน เบ็ตตี้แต่งงานใหม่ คราวนี้เธอให้กำเนิดบุตร 5 คน

มีไอ้นั่น ไม่มีไอ้นี่

จะเป็นไปได้อย่างไรที่อยู่กินกันฉันสามีภรรยานานถึง 7 ปี และมีเพศสัมพันธ์กันเฉกเช่นคู่สมรสทั่วๆไป แต่ไม่มีใครสักคนที่ระแคะระคายเลยว่าสามีของเธอเป็นผู้หญิง

บิลลี่ใช้ผ้าพันแผลพันรอบหน้าอก โดยอ้างว่าเคยได้รับอุบัติเหตุซี่โครงบริเวณหน้าอกหัก ไม่สามารถเชื่อมติดได้เหมือนเดิม หมอจึงสั่งให้ใช้ผ้าพันหน้าอกเอาไว้ตลอดเวลา

บิลลี่สวมกระจับ ดังนั้น แม้ว่าเขาจะมีเอวคอดเล็กแบบผู้หญิง แต่มีตรงนั้นตุงเป้ากางเกงเหมือนผู้ชายทั่วไป หรือแม้ว่าเขาจะถอดกางเกงเหลือแต่ชั้นในเดินรอบบ้านก็ไม่เป็นที่ผิดสังเกต เพราะกระจับปกปิดสรีระที่แท้จริง

ที่สำคัญที่สุดคือ บิลลี่จะเป็นคนบงการว่าจะมีเพศสัมพันธ์ได้เมื่อไร เขาจะปิดม่าน ปิดไฟจนมืดสนิท บิลลี่ไม่เคยถอดผ้าพันหน้าอก ไม่เคยถอดกางเกงใน และไม่ยอมให้ภรรยาจับอวัยวะที่อยู่ต่ำกว่าเอว เบ็ตตี้เชื่อว่าบิลลี่คงมีสิ่งประดิษฐ์บางอย่างผูกติดกับกางเกงในเวลามีเพศสัมพันธ์กับเธอ

หลังจากอยู่กินกับบิลลี่นานหลายปี เบ็ตตี้เพิ่งจะเรียนรู้จากผู้ชายคนอื่นว่าความสัมพันธ์ระหว่างหญิงกับชายไม่ได้ลึกลับซับซ้อนเหมือนที่เธอประสบมา ด้วยเหตุนี้เองเบ็ตตี้จึงตัดสินใจหย่าร้างไปหาผู้ชายคนใหม่

ไม่อยากดัง

ปี 1951 บิลลี่ฟอร์มวงของตัวเองขึ้นมาชื่อวงบิลลี่ ทิปตัน ทริโอ ออกเดินสายเล่นตามโรงแรมชั้นนำ จนกระทั่งไปเตะตาแมวมองค่ายเพลงอิสระแห่งหนึ่ง บิลลี่ได้บันทึกแผ่นเสียงแผ่นแรกในปี 1957 ภายใต้ชื่ออัลบั้ม HIFI แม้ว่ายอดขายจะไม่มากจนกลายเป็นเพลงฮิตติดหู แต่ก็มากพอที่จะทำให้คนรักเพลงแจ๊สรู้จักชื่อบิลลี่ ทิปตัน

ปี 1958 เป็นจุดหักเหในชีวิตบิลลี่ เขาได้รับการติดต่อให้เป็นวงดนตรีเล่นประจำในโรงแรมฮอลิเดย์ เมืองรีโน รัฐเนวาดา นอกจากค่าจ้างที่มากพอจะทำให้สมาชิกวงอยู่อย่างสุขสบายแล้ว ยังได้สัญญาทำอัลบั้มเพลงกับค่ายเพลงชั้นนำอีกไม่น้อยกว่า 4 อัลบั้ม

บิลลี่ทำให้สมาชิกวงบิลลี่ ทิปตัน ทริโอ ผิดหวัง แม้ว่าจะเป็นจุดสูงสุดของชีวิตนักดนตรีโนเนม แต่เขาก็ปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย ทั้งนี้ เพราะมันเป็นการก้าวเข้าสู่สปอตไลท์ สื่อจะต้องขุดคุ้ยว่าบิลลี่เป็นใครมาจากไหน ในที่สุดความจริงก็จะถูกเปิดเผย และนั่นหมายถึงการจบอาชีพนักดนตรีแจ๊ส

บิลลี่เลือกใช้ชีวิตแค่พออยู่พอกินเหมือนเดิม เขาย้ายไปอยู่เมืองสโปเคน รัฐวอชิงตัน กลางวันทำงานเป็นนายหน้าซื้อขาย กลางคืนเล่นดนตรีตามผับ ตามบาร์

รักบริสุทธิ์

ช่วงเวลานี้บิลลี่มีความสัมพันธ์กับนางทางโทรศัพท์คนหนึ่ง จนกระทั่งต้นทศวรรษ 1960 เขาไปพบรักกับนางระบำเปลื้องผ้าชื่อคิตตี้ เคลลี่ ทั้งคู่อยู่กินกันแบบไม่มีเพศสัมพันธ์ เนื่องจากคิตตี้อ้างว่าเธอมีโรคประจำตัวชนิดหนึ่งที่ทำให้ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้

แต่เพื่อให้เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ บิลลี่และคิตตี้รับเด็กทารก 3 คนเป็นลูกบุญธรรมชื่อ จอห์น สก็อต และวิลเลี่ยม จากการให้สัมภาษณ์ภายหลัง ลูกทุกคนล้วนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าบิลลี่ทำหน้าที่พ่อได้อย่างวิเศษสุดยอด

แต่คิตตี้ไม่เห็นด้วย เธอกล่าวว่าบิลลี่เลี้ยงลูกไม่เป็น ไม่มีความเด็ดขาด กำราบลูกๆไม่ได้ ส่งผลให้เธอเหลืออด ขอแยกทางกับบิลลี่ในปี 1981 คิตตี้ไล่บิลลี่และลูกๆออกจากบ้าน ระหกระเหินไปอาศัยอยู่ในรถบ้านกับวิลเลี่ยม ขณะที่จอห์นและสก็อตเตลิดหนีหายหัว ไม่รู้เป็นตายร้ายดี

เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่บิลลี่เริ่มล้มป่วยด้วยโรคข้ออักเสบ มีอากาศในเนื้อเยื่อและเป็นแผลมีหนอง สารพัดโรคที่รุมเร้าเหล่านี้ส่งผลให้บิลลี่ไม่สามารถเล่นเครื่องดนตรีได้อีก ทำให้รายได้หดหายจนกลายเป็นคนถังแตก

นอกจากปัญหาเรื่องเงินๆทองๆแล้ว บิลลี่ยังไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าเขาเป็นผู้หญิง ด้วยเหตุนี้เองบิลลี่จึงไม่ไปหาหมอเพื่อรักษาโรคร้าย ในที่สุดเขาก็จบชีวิตด้วยโรคแผลเป็นหนองในปี 1989

ตลอดระยะเวลา 54 ปี ผู้หญิงอย่างน้อย 5 คนที่เคยเป็นภรรยา และลูกๆทั้ง 3 คน รวมถึงเพื่อนร่วมงานจำนวนนับไม่ถ้วน ไม่เคยระแคะระคายเลยว่าบิลลี่เป็นผู้หญิง พวกเขาเพิ่งรู้ความจริงก็ตอนที่บิลลี่ได้เสียชีวิตไปแล้ว


You must be logged in to post a comment Login