วันพฤหัสที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

ฉลาดไว้ทุกข์ / โดย พระพยอม กัลยาโณ

On October 24, 2016

คอลัมน์ : พระพยอมวันนี้
ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

ช่วงนี้มีปัญหากับการ “ไว้ทุกข์” ถ้าไว้ทุกข์แบบฉลาดก็คงไม่มีปัญหา แต่ถ้าไว้ทุกข์แล้วสติปัญญาไม่พอก็จะไปเพิ่มทุกข์คนข้างเคียงให้ยุ่งยากลำบาก นายกรัฐมนตรีเตือนประโยคหนึ่งดีมากคือ “เสียใจเสียได้ แต่อย่าให้เสียหน้าที่”

ถ้าพ่อบ้านเสียใจจนลืมหน้าที่ความเป็นพ่อบ้าน และแม่บ้านเสียใจจนลืมหน้าที่ความเป็นแม่บ้าน ยายย่าควรจะมีหน้าที่ปลอบลูกหลานให้รู้ทันในเรื่องไตรลักษณ์ ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แต่ยายย่าก็มาเสียใจ แล้วใครจะปลอบลูกหลาน ใครจะให้สติปัญญา เพราะฉะนั้นไว้ทุกข์ก็อย่าให้ทุกข์จนครอบงำสติปัญญาเสียหมด ให้เหลือช่องสติปัญญาโผล่ออกมา ร่วมไว้ทุกข์อย่างฉลาดบ้าง

วันนี้จะบอกว่า การไว้ทุกข์มี 3 ระดับคือ ไว้ทุกข์แบบเลื่อนลอย ไว้ทุกข์แบบเลื่อนเปื้อน และไว้ทุกข์แบบเลื่อนระดับ

ไว้ทุกข์เลื่อนลอย ไปตามกระแสเขา ลอยกันไป ไหลเยอะแยะไปพร้อมๆกัน จะลำบากตรงที่รถสุขา ที่พัก อาหารการกินบริการไม่ทัน รถราติดขัด รอหน่อยได้มั้ย เพราะไว้ทุกข์เป็นเดือน เป็นปี รอตอนท้ายๆปลายๆก็ได้จะได้สะดวก ตอนนี้ต่างคนก็อยากจะเข้าไปใกล้พระบรมโกศในพระบรมมหาราชวัง เข้าไปทีเดียวทั้งหมดสถานที่ก็รองรับไม่ไหว เราค่อยๆทยอยไปกัน เห็นเขาไปก็ไป เห็นเขาทำก็ทำ เรียกว่าไว้ทุกข์แบบเลื่อนลอย ใช้เหตุผลและสติปัญญาน้อย

ไว้ทุกข์แบบเลื่อนเปื้อน อย่างที่อาจารย์วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี บอกว่า อย่าไปด่าไปว่าคนที่ไม่ใส่ชุดดำ เห็นใครไม่ใส่ชุดดำก็ปรี่จะไปเอาเรื่องกับเขา เรียกว่าเลื่อนเปื้อนแล้ว ไปบีบบังคับ ไปบีบมากเกินไป กระทรวงพาณิชย์ก็บอกแล้วว่า ถ้าเสื้อผ้าออกมาล้นตลาดแล้วไปซื้อตอนนั้นก็จะถูกลง ซื้อตอนนี้เขาก็โก่งราคา ถ้ารออีกนิดก็ไม่ตกขบวนไว้ทุกข์หรอก

บางศาสนาเขาก็ไม่นิยมเรื่องไว้ทุกข์ เขาไม่ให้คนตายทำให้คนเป็นเป็นทุกข์ เขาจะฝังภายใน 24 ชั่วโมงเลยเพื่อแก้ปัญหา เห็นหน้าคนตายอันเป็นที่รัก เห็นศพนอนนิ่งก็เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนให้เราไว้ทุกข์หรือเปล่า เรามาทำกันทีหลัง พระพุทธเจ้าแค่ 7 วันก็ถวายพระเพลิงแล้ว

ไว้ทุกข์แบบเลื่อนระดับ หมายความว่า ไว้ทุกข์แบบเกิดธรรมสังเวช ไม่ใช่ร้องไห้ดังลั่น น้ำตาพร่าไปหมดทั้งใบหน้า แต่รู้สังขารว่าจะเป็นพระราชาหรือยาจก พระไตรลักษณ์กวาดเข้าไปไว้หมดคือ พระอนิจจัง พระทุกขัง พระอนัตตา

พระอนิจจังคือ ความไม่เที่ยง พระองค์มีพระวรกายเปลี่ยนแปลงตลอด ตั้งแต่ทรงพระเยาว์ หนุ่ม แก่เฒ่า ล้วนอยู่ในกฎเกิด แก่ เจ็บ ตาย ถ้าเราไว้ทุกข์แบบฉลาดต้องเลื่อนระดับมาอยู่ธรรมสังเวช อยู่ภายใต้อำนาจพระไตรลักษณ์ ต้องเปลี่ยนแปลง ทนอยู่ไม่ได้

พระทุกขังคือ สภาพทนไม่ได้ เหมือนหลังคาบ้าน รถ เก่าก็ทรุดโทรมไป ไม่เหมือนรถออกใหม่ๆ เกิดใหม่ๆก็แข็งแรง แล้วค่อยๆเสื่อมทรุดไป ไม่มีอะไรถาวรนิรันดร์

สุดท้ายพระอนัตตาคือ ไม่สามารถยืนหยัดเป็นตัวตนเที่ยงแท้ถาวรนิรันดร์ตลอดได้ ต้องเกิด ดับ มีพลัดพรากจากเปลี่ยน จากมีพระชนม์ มีลมหายใจ ก็ไม่มีลมหายใจเข้าออก ร่างกายก็จะเปื่อยเน่า หากเราอยู่ในหลักของพระพุทธศาสนาก็จะไม่ร้องห่มร้องไห้ระทมตรมทุกข์เกินไป

พระวรกายไม่อยู่ แต่พระปรีชาสามารถโครงการพระราชดำริอย่างที่ว่า “น้ำคือชีวิต” เรามาทำเรื่องน้ำกันดีกว่า ทำฝาย แก้มลิง ทำอะไรต่างๆให้มีน้ำเหมือนกับว่าพระองค์ท่านยังอยู่

ดังนั้น อย่าเสียทั้ง 2 อย่าง พระวรกายก็เสีย พระปรีชาสามารถก็เข้าไปในพระบรมโกศหมด แสดงว่าพวกเราแย่ เราต้องฉลาดในการไว้ทุกข์ เอาทุกข์ทำให้เกิดศรัทธา เกิดปัญญาแก้ไข อย่าให้ทุกข์ครอบงำจนสติปัญญาหายหมด

ก็หวังว่าชาวพุทธจะได้ข้อคิดบ้างไม่มากก็น้อย ขอฝากทิ้งท้ายว่า ช่วงนี้วัดสวนแก้วยินดีช่วยเหลือประชาชนที่มาจากต่างจังหวัด ถ้ากลับไม่ทันก็มานอนค้างที่วัดได้ ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น ทางวัดรับได้ 500 คน

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login