วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2568

“โกง-ไม่โกง”ตอแหล 4.0 / โดย ทีมข่าวการเมือง

On October 10, 2016

คอลัมน์ : เรื่องจากปก
ผู้เขียน : ทีมข่าวการเมือง

เรื่องครอบครัว พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม น้องชาย “ท่านผู้นำ” ยังฟุ้งกระจายและคาใจประชาชนเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนต่างๆ ก็มาถึงคิว “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กรณีการใช้งบประมาณกว่า 20 ล้านบาท เช่าเครื่องบินเหมาลำยกคณะ 38 คน ไปประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับสหรัฐที่ฮาวาย

ความจริงเรื่องนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน เมื่อสื่อออกมาเปิดเผย สังคมก็อยากรู้เป็นธรรมดา ไม่ใช่ต้องการรายละเอียดว่าไปประชุมอะไรบ้าง แค่ต้องการรู้เรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ และคณะที่ไปทำไมต้องไปถึง 38 คน มีใครบ้างและมีหน้าที่เกี่ยวข้องอะไรกับการประชุม แต่การออกมาห้ามเปิดเผยชื่อคนเดินทางโดยการอ้างเหตุผลความมั่นคงกลับทำให้สังคมเกิดความสงสัยมากขึ้น

ทำไมต้องเช่าเหมาลำเครื่องบินการบินไทยรุ่นโบอิ้ง 747-400 ที่รับผู้โดยสารได้ถึง 416 คน ทั้งที่ไปเพียง 38 คน ทำไมไม่ใช้เครื่องบินขนาดเล็กลงแล้วแวะเติมน้ำมันที่ญี่ปุ่นซึ่งเสียเวลาเดินทางไม่นาน ทำไมค่าอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องจึงสูงถึง 600,000 บาท มีอะไรบ้าง และบางคนยังกระแหนะกระแหนว่าได้กินแค่อาหารไทยพื้นบ้านธรรมดา

แค่การตอบปัญหาง่ายๆยังอึกอักแล้วจะไม่ให้สังคมสงสัยได้อย่างไร หรือกลัวอะไร ถึงขนาดที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็ไม่พอใจและย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า มีเครื่องบินบินตรงหรือไม่ และเขาไปทำประโยชน์หรือไปเที่ยว ต้องดูว่ามีกี่การประชุม ไปคนเดียวพออย่างนั้นหรือ การไปประชุมที่ต่างประเทศต้องมีหลายคณะก่อนที่ระดับผู้ใหญ่จะประชุม จะมีระดับล่างเขาประชุมก่อน “อย่ามาจับผิดจับถูกในเรื่องเหล่านี้ ใครอยากฟ้องร้องก็ไปฟ้องร้องเอา”

ยิ่งดิ้นยิ่งเจ็บ

ประเด็น “บิ๊กป้อม” แทนที่จะจบง่ายๆแต่กลับไม่จบ แล้วยังเป็นดราม่าทางการเมืองอีกเมื่อฝ่ายการเมืองที่เคยเป่านกหวีดต้านโกงออกมาใช้เรื่องการเดินทางไปต่างประเทศมาโจมตีอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ครั้งที่เป็นนายกรัฐมนตรีก็เคยทัวร์ 3 ประเทศในยุโรปคือ สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี และมอนเตเนโกร เมื่อเดือนกันยายน 2556 โดยเช่าเหมาลำการบินไทยเช่นกัน มีคณะของรัฐบาลและนักธุรกิจ 81 คน ใช้งบทั้งสิ้น 21.8 ล้านบาท ซึ่งครั้งนั้นมีการโจมตีอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์อย่างมากว่าเดินทางเยือนต่างประเทศมากที่สุดในช่วงเกือบ 2 ปีที่รับตำแหน่ง เฉลี่ยเดินทางไปต่างประเทศเดือนละ 2 ครั้ง สิ้นเปลืองงบประมาณหลายร้อยล้านบาทโดยไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน

เมื่อนำข้อมูลมาเปรียบเทียบกับกรณีของ พล.อ.ประวิตรและคณะที่ไปแค่ 3 วัน และไปที่ฮาวายแห่งเดียว กลับมีค่าใช้จ่ายถึงคนละประมาณ 550,000 บาท เมื่อเทียบกับคณะของอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ประมาณคนละ 270,000 บาทเท่านั้น

เมื่อนำค่าใช้จ่ายการเดินทางไปประชุมต่างประเทศสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์มาเปรียบเทียบกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ปรากฏว่าครั้งที่อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์เดินทางไปเยือนมิตรประเทศและร่วมประชุมในเวทีต่างๆทั่วโลกมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเพียง 5.7 ล้านบาทต่อครั้ง เทียบกับการไปเยือนรัสเซียของ พล.อ.ประยุทธ์ใช้ไป 16 ล้านบาท และการเดินทางไปฮาวายของ พล.อ.ประวิตรใช้ไปกว่า 20 ล้านบาท

แม้กรณีของ พล.อ.ประวิตรจะดูเหมือนว่าไม่มีอะไรที่ซับซ้อน ไม่เหมือนกรณีครอบครัว พล.อ.ปรีชาที่คนส่วนใหญ่ตั้งคำถามเรื่องจริยธรรมและผลประโยชน์ทับซ้อน แต่บรรดาสลิ่มและเหล่าคนดีก็ยังคงเงียบกริบ จนมีคำถามว่าเพราะคนดีทำอะไรก็ไม่ผิดใช่หรือไม่ ขณะที่คนใกล้ตัว พล.อ.ประวิตรอย่างนายไพศาล พืชมงคล กลับโยนความผิดว่าเรื่องทั้งหมดมาจาก “สื่อเลือกข้าง” ที่ต้องการทำลาย พล.อ.ประวิตร

เว็บดังเปิด 43 รายชื่อร่วมคณะฮาวาย

เมื่อค่ำวันที่ 4 ตุลาคม เพจ “หยุดดัดจริตประเทศไทย” ได้โพสต์รายชื่อผู้โดยสารเที่ยวบิน TG 8885 กรุงเทพฯ-โฮโนลูลูจำนวน 43 รายชื่อ โดย 3 รายชื่อสุดท้ายระบุว่าเดินทางเฉพาะเที่ยวกลับ ซึ่งก่อนหน้านี้กระทรวงกลาโหมออกมาชี้แจงว่ามีผู้ร่วมคณะจำนวน 40 คน แต่มีการยกเลิกการเดินทาง 2 คน จึงเหลือผู้ร่วมเดินทางไปจริง 38 คน ซึ่งมีชื่อ พ.ต.หญิง ชลรัศมี งาทวีสุข ผู้ประกาศข่าวสาวช่อง 5 หมายเลข 20 ด้วย ขณะที่โฆษกกระทรวงกลาโหมได้แถลงว่า พร้อมจะเปิดเผยชื่อคณะที่ไปฮาวายกับองค์กรตรวจสอบ แต่ก็สายไปเสียแล้วเมื่อถูกเพจดังชิงปูดออกมาเสียก่อน นอกจากรายชื่อที่มีนายทหารเกษียณอายุราชการและอีกหลายคนซึ่งไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกับภารกิจความมั่นคงหรือไม่แล้ว ยังมีรายชื่อหมายเลข 8 และ 38 ที่ถูกระบุว่าเป็นผู้บริหารระดับสูงกลุ่มทุนใหญ่ในประเทศไทยร่วมเดินทางไปด้วยนั้น เหมาะสมหรือไม่ อย่างไร

สำหรับ 2 คนที่ยกเลิกการเดินทางนั้น มีรายงานข่าวว่าคือเจ้าหน้าที่บริหารเอกชนและ พ.ต.หญิง ชลรัศมี ซึ่ง พ.ต.หญิง ชลรัศมีได้ยืนยันกับ “มติชนออนไลน์” (5 ตุลาคม) ว่าไม่ได้ร่วมเดินทางไปฮาวายกับคณะดังกล่าวและไม่ได้ซีเรียสอะไร โดยก่อนหน้านี้ พ.ต.หญิง ชลรัศมีได้โพสต์เฟซบุ๊คข้อความและภาพว่า “อย่างฮาาาาา?? เมื่อวันศุกร์อยู่กรุงเทพฯ อ่านข่าวตัวเป็นๆอยู่หน้าจอช่อง 5 แต่มีคนมโน! ว่าทิพย์ไปต่างประเทศ แสดงว่ารายการข่าวที่ทำสดจันทร์-ศุกร์ยังไม่ดังพอ?? ฝากติดตามชมรายการด้วยนะคะ #เช้านี้ประเทศไทย 07.00-8.00 น. ช่อง 5 ค่ะ??????????”

นอกจากนี้ นางเหมือนฝัน คงศรี ที่ร่วมไปกับคณะ พล.อ.ประวิตร ได้โพสต์รูปภาพและข้อความระบุว่า สงสัยกันทั่วเมืองว่าทีมข่าว ททบ.5 ที่เดินทางร่วมคณะไปทำข่าวภารกิจประชุม รมว.กห.อาเซียน-สหรัฐที่ฮาวายคือใคร ไปกันกี่คน ลงรูป บอกชื่อให้ดูกันชัดๆ นางเหมือนฝัน คงศรี – บ.ก.ข่าวทหาร และนายจักรพงษ์ แพงคำแสง – ช่างภาพ ทีมข่าวมีแค่ 2 คน “อย่ามโนกันเลยเถิดค่ะ พูดไม่จริง กล่าวหาผู้อื่นสนุกปาก?? หมิ่นประมาท มีความผิดทางอาญานะคะ โดยเฉพาะ “คนอาชีพเดียวกัน” มีข้อสงสัย?? โทร.มาสอบถามกันได้ค่ะ”

การเดินทางไปหรือไม่ของ พ.ต.หญิง ชลรัศมีอาจจบลงด้วยข้อเท็จจริงว่าไม่ได้ไป แต่การถูกสปอตไลท์ส่องพร้อมทั้งข่าวที่ถูกขุดถูกเจาะอย่างไม่เกรงใจทั้งเรื่องชีวิตส่วนตัวและการทำธุรกิจที่อ่อนไหวต่อข้อครหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนกับกองทัพและเหล่าบรรดานายพลหรือไม่นั้นกลับยังไม่จบ

ล่าสุดสำนักข่าวอิศราได้รายงานว่า เมื่อเวลา 12.55 น. วันที่ 5 ตุลาคม กองบรรณาธิการได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ดูแลเว็บไซต์สำนักข่าวอิศราว่า admin ผู้ดูแล server คือ CS Loxinfo ได้ขอความร่วมมือให้ปิดรายงานเรื่อง “ปีทองของ “ชลรัศมี” ผู้ประกาศข่าวสาว ททบ.5 โกยรายได้ลิ่ว 34 ล้าน” ที่นำเสนอไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2557 โดยระบุเหตุผลว่า ได้รับแจ้งจากเว็บไซต์กลางของหน่วยงานราชการขอความร่วมมือในการระงับการเผยแพร่ข้อมูลรายงานเรื่องนี้บนสื่ออินเทอร์เน็ต

Rule by Law หรือ Rule of Law?

แม้สุดท้ายประเด็นของ พล.อ.ประวิตรจะไม่มีผลกระทบระยะยาวกับรัฐบาลและ พล.อ.ประยุทธ์เหมือนกรณีครอบครัว พล.อ.ปรีชา แต่เมื่อจับอาการทางการเมืองในช่วงนี้ก็ต้องยอมรับว่ามีข่าวในเชิงลบที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาลและ พล.อ.ประยุทธ์อย่างต่อเนื่อง จนดูเหมือนว่า พล.อ.ประยุทธ์จะขยับอะไรก็มีปัญหาไปหมด โดยเฉพาะการใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดที่คนจำนวนไม่น้อยสนับสนุน โดยเฉพาะกรณี พล.อ.ปรีชา ก็ทำให้มีหลายคนตั้งคำถามเรื่องจริยธรรมและความถูกต้องชอบธรรม

อย่างเช่น น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ออกมาถามนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ผ่านเฟซบุ๊คกรณีที่ให้สัมภาษณ์ว่า ลูกชาย พล.อ.ปรีชาใช้บ้านพักในค่ายทหารจดทะเบียนตั้งบริษัทรับเหมาก่อสร้างไม่ผิดกฎหมายว่า “ผลประโยชน์ทับซ้อนคือต้นทางของการคอร์รัปชัน” และชี้ความแตกต่างระหว่าง Rule by Law กับ Rule of Law ว่า Rule by Law คือการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือของเผด็จการเอาไว้บังคับคนอื่นแต่ไม่บังคับกับพวกตัวเอง ส่วน Rule of Law คือหลักนิติธรรมที่ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน

อดีตผู้ว่าฯส่งโคลงศรีปราชญ์

เป็นที่รู้กันว่าช่วงที่ผ่านมามีข้าราชการถูกประหารด้วยมาตรา 44 จำนวนมาก แต่ที่แชร์กันสนั่นจน “ลุงตู่” ก็สะดุ้งคือ กรณีนายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ที่ถูกคำสั่งมาตรา 44 ให้ออกจากราชการก่อนกำหนด ได้แชร์ข้อความทางไลน์ในวันสุดท้ายของชีวิตราชการ 29 กันยายน พร้อมใบประกาศเกียรติคุณในตำแหน่งผู้ตรวจราชการพิเศษสำนักนายกรัฐมนตรีว่า “ผมไม่ได้สร้างความชั่วอะไรให้มีมลทินมัวหมองแก่ชีวิตราชการแต่อย่างใด” ซึ่งตนเองรับได้ แต่ “ครอบครัววงศ์ตระกูลของผมขมขื่นมากมาเป็นเวลา 6 เดือนแล้วครับ”

นอกจากนี้นายสมศักดิ์ยังทิ้งท้ายด้วยโคลงศรีปราชญ์ที่ว่า “ธรณีนี่นี้เป็นพยาน เราก็ศิษย์อาจารย์หนึ่งบ้าง เราผิดท่านประหารเราชอบ เราบ่ผิดท่านมล้าง ดาบนี้คืนสนอง”

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ก็ยืนยันว่า เป็นทหารมา 40 ปี ไม่เคยคิดอยากจะฆ่าใครสักคน เรื่องการใช้อำนาจตามมาตรา 44 เป็นหน่วยงานที่ตรวจสอบขึ้นมา ไม่ได้อยู่ที่นายกรัฐมนตรี แต่อยู่ที่หลักฐานและกระบวนการทำงาน ไม่เคยไปล้วงคนนู้นคนนี้ ถ้ามีการเสนอขึ้นมาก็ต้องอนุมัติ เพราะเขาเสนอแบบมีหลักฐาน ถ้าไม่มีหลักฐานก็ต้องเล่นงานคนที่เสนอ

รองอธิบดีอัยการเตือน “ลุงตู่”

ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะแก้ตัวหรือโยนความผิดไปให้คนที่เสนอเรื่อง แต่ พล.อ.ประยุทธ์ก็รู้ดีว่าการใช้มาตรา 44 หลายครั้งหลายกรณีเป็นไปตามเงื่อนไขการเมืองมากกว่ากระบวนการยุติธรรม และหลายครั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์เอาอำนาจของตนมาพูดข่มขู่ฝ่ายที่เห็นต่าง หรือแสดงความไม่พอใจกับบางคนที่พยายามตรวจสอบเรื่องความโปร่งใสของ พล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาล อย่างกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ และนายศรีสุวรรณ จรรยา ที่ร้องให้มีการสอบสวนกรณี พล.อ.ปรีชาและครอบครัว และหลายเรื่องของรัฐบาล ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์แสดงความไม่พอใจโดยขู่ว่า จะตรวจสอบกลับบ้างว่าทำงานอะไร มีรายได้จากที่ไหน อาชีพสุจริตหรือเปล่า

กรณีดังกล่าวทำให้นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา โพสต์ข้อความปกป้องนายเรืองไกรและนายศรีสุวรรณว่า เป็นการทำหน้าที่พลเมืองดีที่ตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลตามที่กฎหมายให้อำนาจ และเป็นการแสดงความเห็นตามหลักกฎหมาย หากมีการกล่าวหาใดๆว่าน่าจะมีการกระทำผิดอย่างหนึ่งขึ้นจะต้องให้มีการตรวจสอบในเบื้องต้นก่อน แม้บุคคลนั้นไม่ใช่ผู้เสียหาย แต่ได้ร้องเรียนเพื่อให้เจ้าพนักงานที่มีอำนาจสอบสวนว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความผิดหรือไม่ ซึ่งทำได้ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญาที่ถือว่าการกล่าวหานั้นเป็นคำกล่าวโทษ เหมือนการจับกุมปราบปรามยาเสพติด ดังนั้น ในความเป็นผู้นำก็ต้องระมัดระวังด้วย

ปชป. ชี้นักการเมืองยึดอำนาจ แย่กว่านักการเมืองเลือกตั้ง

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประวิตรว่า เรื่องการเดินทางที่หลุดออกมาเชื่อว่าคนนอกไม่รู้ข้อมูลเหล่านี้แน่นอน ทั้งเรื่องภรรยาและลูกชายของ พล.อ.ปรีชา น่าจะมีคนภายในชี้เบาะแสให้คนนอกเพื่อหาข้อมูลมาขยายผลเพิ่มเติม ส่วนตัวไม่ได้ตกใจอะไรกับเรื่องนี้ ถือเป็นปรกติของผู้ที่มาจากการยึดอำนาจในช่วงท้ายจะมีเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น อย่าแปลกใจเลย ตอนนี้ทุกอย่างกำลังเดินตามรอยประวัติศาสตร์ ยิ่งอยู่นานข้อมูลเหล่านี้ยิ่งเล็ดลอดออกมา การเช่าเครื่องบินเหมาลำเป็นวิธีปรกติ ถ้าไปในนามรัฐบาลก็ทำได้ รัฐบาลจากการเลือกตั้งก็ทำแบบนี้ สะท้อนว่าคนที่มาจากการยึดอำนาจก็ไม่มีอะไรต่างกันกับคนที่มาจากการเลือกตั้ง นอกจากไม่ต่างกันแล้ว คนที่มาจากการเลือกตั้งจะมีภาษีดีกว่า เพราะมาจากประชาชนเลือก

“ถามว่าจะกระทบคะแนนนิยมรัฐบาลหรือไม่ ผมไม่รู้ เราเป็นนักการเมืองมานาน ให้ดูว่าค่าน้ำมัน ค่าอาหาร แจกแจงมาให้ชัดว่าเท่าไร ค่าบริการบางส่วนขอลดราคาได้ ถ้ายังปล่อยอย่างนี้เรื่อยๆ รัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจที่กำลังได้รับคะแนนนิยมจากการกอบกู้ศรัทธาจากที่ประชาชนไม่เอานักการเมืองก็จะถูกตั้งคำถาม ค่าใช้จ่ายควรน้อยกว่าผู้ที่มาจากการเลือกตั้ง ผมว่านายกฯไม่ต้องจัดการอะไรเลย ถ้าไม่ประหยัดก็ใช้อย่างนี้ ถามว่ามันผิดไหม คงไม่ผิด ระเบียบเปิดโอกาสให้ทำได้ แต่ถ้าชาวบ้านยังลำบากอยู่ ถ้าเราลดค่าดำเนินการ ประหยัดให้มันน้อยกว่าหัวละ 6 แสนบาทจะได้หรือไม่” นายนิพิฏฐ์กล่าว

สะดุดขาตัวเองจนเดินไม่ได้

น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ เขียนในคอลัมน์ “ประสงค์พูด” ในหนังสือพิมพ์แนวหน้า (4 ตุลาคม) ตอนหนึ่งเตือนว่า ใครก็ตามที่กำลังถืออำนาจอยู่ในขณะนี้ต้องไม่ประพฤติปฏิบัติตนในการใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ตนและพรรคพวกอย่างพวกที่ถูกโค่นล้มออกไป ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ไหน ทั้งทางฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ รวมทั้งการกำกับดูแลควบคุมการทำงานของส่วนราชการต่างๆที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของตนให้มีการทำงานอย่างถูกต้องชอบธรรม เพื่อประโยชน์ส่วนรวมจริงๆของประเทศชาติบ้านเมือง

“แต่ถ้ายังคิดว่ามีอำนาจในมือจะทำอย่างไรก็ได้ หรือใครติ ใครเตือน ใครแนะอย่างไรไม่ฟัง หรือไม่พึงพอใจที่จะได้ยิน ได้ฟังความคิดเห็นดีๆจากผู้คนภายนอก ใครว่าอะไรเป็นต้องโมโหโทโสทุกครั้ง จะเป็นจุดอ่อนสำคัญที่จะทำให้สะดุดขาตัวเองจนเดินไม่ได้”

น.ต.ประสงค์ยังเตือนเรื่องการเลือกใช้คนในการทำงานว่า พฤติกรรมของบางคนและหลายคนคิดแต่เรื่องที่ตนจะได้อะไรหรือได้เป็นอะไรต่อไปในวันข้างหน้า ดังนั้น หากไม่ปฏิรูปคนให้ดีขึ้น การปฏิรูปอย่างอื่น ไม่ว่ามิติไหน จะเป็นการเมือง เศรษฐกิจ สังคม หรือความมั่นคง ก็ย่อมล้มเหลวและไปไม่ถึงจุดหมายแน่นอน

ยุคไทยแลนด์ตอแหล 4.0

หลากหลายความเห็นที่ประดังและถาโถมใส่รัฐบาลและ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ว่าจะเป็นกรณี พล.อ.ประวิตร กรณี พล.อ.ปรีชาและครอบครัว หรือกรณีการใช้อำนาจมาตรา 44 และการแสดงออกของ พล.อ.ประยุทธ์ ล้วนสะท้อนให้เห็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงไม่น้อยกับการอยู่ในอำนาจอีกกว่า 1 ปีจึงจะมีการเลือกตั้ง และไม่รู้ว่าจะได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจริงหรือไม่ เพราะยังไม่ทันจะประกาศใช้รัฐธรรมนูญก็มีการปั่นกระแสยุบสภาแล้วหากไม่สามารถโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ ซึ่งประเด็นสำคัญคงหนีไม่พ้น “นายกฯคนนอก” ที่หลายฝ่ายเชื่อว่าต้องเป็น พล.อ.ประยุทธ์

แต่สถานการณ์อีกกว่า 1 ปี อะไรก็เกิดขึ้นได้ แม้รัฐบาลจะมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอย่างไรก็ตาม แต่หากถูกตั้งคำถามเรื่องจริยธรรมและธรรมาภิบาลแทบจะทุกเรื่องอย่างขณะนี้ รัฐบาลและ คสช. ก็ยากจะอยู่ได้ แม้แต่กองทัพที่วันนี้ประกาศสนับสนุนรัฐบาลและ คสช. ก็ตาม

โดยเฉพาะคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ประกาศมาตลอดว่า จะปฏิรูปประเทศให้ไม่มีการทุจริตคอร์รัปชัน “กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย” นั้น วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ก็กำลังถูกท้าทายและย้อนกลับมาตรวจสอบรัฐบาลและ พล.อ.ประยุทธ์เอง โดยเฉพาะการที่ชอบอวดอ้างเรื่องจริยธรรม คุณธรรม และธรรมาภิบาลเหนือกว่ารัฐบาลอื่น

เช่นเดียวกับคำถามที่ถามถึงบรรดาสลิ่มและเหล่าคนดีที่นกหวีดติดคอทั้งหลายว่า ทำไมจึงยังมีความสุขภายใต้สังคมที่ไม่สามารถตรวจสอบผู้มีอำนาจได้ ทำไมพอใจที่จะอยู่ภายใต้สังคมที่เห็นชัดว่าโกหกตอแหลไปแทบทุกเรื่อง ไม่ว่าเรื่องเศรษฐกิจที่ว่ามีแต่ดีขึ้นๆ ขณะที่คนทั้งแผ่นดินร้องโอดครวญเป็นหนี้เป็นสิน ธุรกิจมากมายล้มละลาย หรือย้ายไปลงทุนที่ประเทศเพื่อนบ้าน

ยิ่งเรื่องการเมือง เรื่องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ยิ่งไม่ต้องพูดถึง โดยเฉพาะระบอบประชาธิปไตยที่มาจากประชาชนและเป็นของประชาชน เพราะดูเหมือนสังคมไทยจะต้องอยู่ภายใต้ “ระบอบพิสดาร” ไปอย่างน้อย 5 ปี และอีก 20 ปีตามยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งรัฐบาลทหารก็ทำให้คนไทยจำนวนมากเชื่อว่าจะทำให้ประเทศไทยเป็นมหาอำนาจ มีเศรษฐกิจมั่งคั่งและประชาธิปไตยมั่นคง ทั้งที่เป็นแค่วาทกรรมโฆษณาชวนเชื่อและไม่มีอะไรที่เป็นหลักประกันเลยนอกจากความเชื่อ ทั้งที่ไม่มีประเทศไหนในโลกที่จะกำหนดยุทธศาสตร์ตายตัว 20 ปี โดยไม่สนใจความเปลี่ยนแปลงไปของโลกยุคดิจิทัล

เรื่องความโปร่งใสและการเลี่ยงถูกตรวจสอบของรัฐบาลทหารที่มาจากการยึดอำนาจที่อวดอ้างว่ามีเหนือกว่ารัฐบาลจากการเลือกตั้งของประชาชน ท่ามกลางความเสื่อมที่แทบจะเรียกได้ว่าเสื่อมไปทุกเรื่อง สังคมก็เสื่อม สถาบันสำคัญๆของชาติก็เสื่อม ศาสนาก็เสื่อม สื่อกระแสหลักก็เสื่อม เช่นนี้สังคมไทยจะเดินหน้าปฏิรูปประเทศไปแบบไหน เราจะพาสังคมก้าวสู่ยุคแห่งอนาคตได้อย่างไรถ้าคนไทยไม่ “ฉุกคิด” กันเสียที

จากยุค “กะล่อนอนาล็อกศรีธนญชัย” ในอดีต มาสู่ยุคดิจิทัล “ไทยแลนด์ตอแหล 4.0” สิ่งที่สังคมไทยอนุรักษ์ไว้ได้อย่างเหนียวแน่นมั่นคงก็คือ “การตอแหล” ที่กลายเป็นวัฒนธรรมแบบไทยๆที่สังคมไทยยอมรับชื่นชมอย่างคุ้นชิน!!?


You must be logged in to post a comment Login

Казино левлучший портал для азартных игроков
Игровые автоматызахватывающая игра начинается сейчас
azino777испытай удачу прямо здесь
1win казинооткрой для себя мир азартных игр
Вулкан платинумавтоматы с высокой отдачей ждут тебя
Казино левгде выигрыши становятся реальностью
Игровые автоматыразвлекайся и выигрывай каждый день
азино три топоранаслаждайся адреналином от побед
Казино 1winкаждая игра — шаг к успеху
Вулкан россиятвой шанс на большой выигрыш
Казино левоснова азартного мастерства
Игровые автоматытоповые игры для каждого
Azino777только для настоящих ценителей риска
1win казинокайф от игры начинается здесь
Вулкан 24где каждый день приносит победы
Казино левновые высоты азартных эмоций
Игровые автоматыгде выигрыши реальны
азино три топорасамые горячие игры ждут
Казино 1winвыигрывайте с комфортом
Казино вулкан россияисследуй мир азартных автоматов
Казино левтвой источник азарта и выигрышей
Игровые автоматыискусство выигрыша ждет тебя
azino777почувствуй азарт и драйв
1win казиноидеальный выбор для азартных игр
Вулкан платинумиграй и побеждай с удовольствием
Казино левнаслаждайся азартом без границ
Игровые автоматылучшие призы ждут тебя
азино три топоратвоя игра начинается здесь
Казино 1winновые уровни азарта и удачи
Вулкан россияначни путь к победе прямо сейчас
Coco chat - Rejoignez nouvelles discussions enrichissantes sur Bed and Bamboo
Chatrandom - Discover exciting chats with new people on Bed and Bamboo
Chatrandom - Entdecke spannenUnterhaltungauf Bed and Bamboo
Chatrandom - Ontdek boeienchats op Bed and Bamboo
Coco chat - Partagez des moments uniques sur Hoodrich France
Chatrandom - Connect and chat on Hoodrich France
Chatrandom - Chatte mit der Hoodrich France Community
Chatrandom - Geniet van chats in Hoodrich France gemeenschap
Coco chat - Connectez-vous pour des échanges passionnants sur I’m Famous 51
Chatrandom - Meet and chat on I’m Famous 51
Chatrandom - Führe spannenGespräche auf I’m Famous 51
Chatrandom - Beleef gesprekkop I’m Famous 51
Coco chat - Discutez avec la communauté Quincaillerie Outillage Thollot
Chatrandom - Explore vibrant conversations at Quincaillerie Outillage Thollot
Chatrandom - Tritt spannendChats bei Quincaillerie Outillage Thollot bei
Chatrandom - Ga mee in boeiengesprekkbij Quincaillerie Outillage Thollot
Coco chat - Rejoignez TurboSystem pour discuter
Chatrandom - Engage in exciting chats at TurboSystem
Chatrandom - Genieße spannenChats bei TurboSystem
Chatrandom - Beleef chatplezier bij TurboSystem