วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

ลมเปลี่ยนทิศ?

On October 4, 2016

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

“ผมถามว่า 1.การไปประชุมเครื่องบินมีบินตรงหรือไม่ ไม่มีใช่ไหม จริงๆแล้วขี้เกียจตอบแทน ไปฟังเขาตอบก็แล้วกัน

2.เขาไปทำประโยชน์หรือเขาไปเที่ยว การไปประชุมก็ต้องดูว่ามีกี่การประชุม ไปคนเดียวพออย่างนั้นหรือ การไปประชุมที่ต่างประเทศจะต้องมีหลายคณะ ก่อนที่ระดับผู้ใหญ่จะประชุมก็จะมีระดับล่างเขาประชุมก่อน อย่ามาจับผิดจับถูกในเรื่องเหล่านี้ ใครอยากฟ้องร้องก็ไปฟ้องร้องเอา ผมไม่ได้อารมณ์เสียอะไรทั้งสิ้น แต่อย่าเอาปัญหาเหล่านี้มาถาม อยากฟ้องก็ให้ไปฟ้อง ไม่ใช่อยู่ดีๆนายกฯ จะไปฟ้องเรื่องนี้ ตรวจสอบเรื่องนั้น มันมีหน่วยงานที่ทำหน้าที่อยู่แล้ว ก็ทำหน้าที่กันมาในทุกๆเรื่อง ผมเองก็กำลังทำหน้าที่อย่างอื่นอยู่ หน้าที่การตรวจสอบการทุจริตไม่ใช่ไม่ทำ เราทำอยู่ แต่ก็มีกลไก เขาต้องทำขึ้นมาตามขั้นตอน จากนั้นผมก็ทำให้

ยุ่งมา 3 วันแล้วไอ้เรื่องนี้”

นั่นเป็นคำให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต่อกรณีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การใช้งบประมาณกว่า 20 ล้านบาท ในการนำคณะไปประชุมรัฐมนตรีกลาโหมของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่มลรัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา

ความจริงเรื่องนี้ถ้าพูดกันด้วยเหตุผลก็พอที่จะเข้าใจได้

แต่ที่เป็นประเด็นดราม่าขึ้นมาเพราะมีคนขุดขึ้นมาเตือนความจำผู้ฝักใฝ่การเมืองฝ่ายหนึ่งที่เคยออกเป่านกหวีดปรี๊ดๆ ต้านโกงเคยใช้ประเด็นเดียวกันนี้โจมตี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งครั้งนั้นคณะของอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ เดินทางไปหลายประเทศกว่า ผู้ร่วมคณะมากกว่า ไปหลายวันกว่า แต่ใช้งบไล่เลี่ยกัน

เมื่อถูกตั้งเป็นประเด็นเปรียบเทียบ เลยเกิดคำถามถึงมาตรฐานอะไรหลายๆเรื่อง

แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าจากกรณีนี้และอีกหลายกรณีก่อนหน้านี้ไม่ใช่เรื่องดราม่าที่ใช้โจมตีกันทางการเมือง

แต่เป็นเรื่องข้อบ่งชี้ทางการเมือง

จากหลายกรณีที่เกิดขึ้นใครจะว่าเป็นการทำเพื่อดิสเครดิตรัฐบาล ดิสเครดิต คสช. แต่ผลย่อมเกิดจากเหตุ

เหตุของเรื่องอาจจริงอยู่ว่ามีคนไม่พอใจรัฐบาล ไม่พอใจ คสช.ปล่อยข้อมูลออกมา แต่ถ้าคิดดีๆ ข้อมูลเหล่านี้หากไม่ใช่คนใน หรือผู้เกี่ยวข้องที่ได้เห็นได้สัมผัสเอกสารจะเอาออกมาเปิดเผยได้หรือไม่

หลายกรณีที่กำลังพุ่งเข้าใส่รัฐบาลและคสช. และเชื่อว่าจะมีอีกหลายเรื่องตามออกมากำลังบ่งชี้ให้เห็นว่าอำนาจของรัฐบาลและคสช.เริ่มคลายมนต์ขลังลงไปแล้ว ไม่ศักดิ์สิทธิ์น่ากลัวเหมือนแต่ก่อน

ยิ่งเป็นเรื่องที่มีเอกสารยืนยัน ไม่ใช่เรื่องโคมลอย หรือเรื่องเม้าท์กันโดยไม่มีที่มาที่ไปแบบนี้มนตราแห่งอำนาจของรัฐบาลและคสช.จะคลายตัวลงมากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อถึงจุดต่ำสุด ต่อให้มีกระบองอยู่ในมือกี่อันก็ไม่มีความหมาย

ทำให้นึกถึงคำเตือนของ “พ่อใหญ่จิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีที่เคยเตือนไว้ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาว่าหลังร่างรัฐธรรมนูญฯผ่านแล้วควรเร่งคืนอำนาจให้ประชาชน

“ถ้า คสช.อยู่ต่อแล้วอาจจะเหมือนอดีตรัฐบาลที่ผ่านมา ที่ตอนเข้ามาได้ดอกไม้ พอออกไปก็ได้รับก้อนอิฐ”

ลมกำลังเปลี่ยนทิศ ตอนนี้ก็เริ่มที่จะเห็นเค้าลางแบบนั้นแล้ว


You must be logged in to post a comment Login