- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 days ago
- บทเรียนพระสายมูPosted 3 days ago
- ไม่ตายก็คางเหลืองPosted 4 days ago
- ช่วยกันเป็นฮีโร่Posted 5 days ago
- อย่าอ่อนแอแพ้ต่อกิเลสPosted 6 days ago
- พระรัตนตรัยดีที่ 1Posted 1 week ago
- ประเทศต้องเดินหน้าได้Posted 1 week ago
- เด็กไทยต้องทำชีวิตก้าวหน้าPosted 2 weeks ago
- ยุคทะเลเดือดPosted 2 weeks ago
- รวยลัดเป็นเปลวนรกPosted 2 weeks ago
GL รุกใหญ่ตลาดไมโครไฟแนนซ์ในเมียนมาร์
นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ผู้นำธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในภูมิภาคอาเซียน แถลงว่า GL Holdings (GLH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ GL ที่จดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์ ได้ลงนามในบันทึกช่วยจำ (MOU) เพื่อซื้อหุ้น 71.9% ของบริษัท BG Microfinance Myanmar Co., Ltd (BGMM) ซึ่งมีใบอนุญาตถาวรในการดำเนินธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ในเมียนมาร์และได้ประกอบกิจการมาแล้ว 2 ปี โดยซื้อหุ้นดังกล่าวจากบริษัท BG International Private Ltd., ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัทไฟแนนซ์ชั้นนำยักษ์ใหญ่ธุรกิจไมโครแนนซ์ในประเทศศรีลังกา ชื่อบริษัท Commercial Credit โดยบริษัท Commercial Credit นี้ เป็นบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ศรีลังกา ซึ่งประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจและมีชื่อเสียงที่ดีมาก โดยบริษัทฯ ดังกล่าวยังคงเป็นผู้ถือหุ้นที่เหลืออีก 28.1% ใน BGMM ที่เมียนมาร์ต่อไปและได้กลายเป็นหุ้นส่วนพันธมิตรกับ GL
“ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พันธมิตรใหม่ ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงและมีมาตรฐานการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ซึ่งเราสามารถผสมผสานกับแพลตฟอร์มดิจิทัลไฟแนนซ์ของ GL ในการรุกขยายธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ในเมียนมาร์และประเทศอื่นที่เราได้ขยายเข้าไปดำเนินธุรกิจแล้วโดยเฉพาะประเทศอินโดนีเซียซึ่งมีศักยภาพการขยายตลาดได้อย่างมาก” นายมิทซึจิ กล่าว
การเทคโอเวอร์ครั้งนี้คาดว่าจะมีผลในอนาคตอันใกล้นี้ หลังจากที่ฝ่าย GL ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะกิจการของ BGMM (Due Diligence) โดยนายมิทซึจิคาดว่าจะสามารถเริ่มบุ๊คกำไรจากธุรกิจใหม่ในเมียนมาร์ ตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปีนี้
ทั้งนี้ เมียนมาร์นับเป็นประเทศที่ 5 ในเครือข่ายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนของ GL โดย GL ได้เริ่มขยายจากธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย สู่ประเทศข้างเคียงคือกัมพูชา สปป.ลาว และอินโดนีเซีย โดยได้พัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลไฟแนนซ์ที่มีประสิทธิภาพสูงแต่ต้นทุนต่ำและขณะเดียวกันก็ขยายธุรกิจเช่าซื้อไปครอบคลุมสินค้าและบริการอื่นๆ อาทิ เครื่องจักรกลการเกษตร KUBOTA แผงโซล่าร์เซลล์ PANASONIC และประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ โดยบริษัทฯ ได้รายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ที่ผ่านมาที่ 255.85 ล้านบาท ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในประวัติการณ์และกำไรสุทธิในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 487 ล้านบาท
โดยการเทคโอเวอร์รายล่าสุดในเมียนมาร์ครั้งนี้ จะมีนัยสำคัญต่อผลกำไรของกลุ่ม GL ในอนาคตระยะยาว ถึงแม้ว่าในขณะนี้บริษัท BGMM ยังมีขนาดเล็กอยู่ แต่ก็มีกำไรที่ดีโดยสามารถทำกำไรได้เดือนละ 20,000 เหรียญสหรัฐ และมีจำนวนลูกค้าทั้งหมด 9,800 คน โดยมียอดสินเชื่อรวมทั้งสิ้นประมาณ 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ในรูปของเงินกู้ที่ปล่อยกู้เป็นกลุ่ม มีลูกหนี้กลุ่มละ 5 คน ซึ่งแต่ละคนจะกู้เป็นเงิน 200 เหรียญสหรัฐ เพื่อซื้อรถจักรยานยนต์มือสองหรือเครื่องใช้ส่วนตัวอย่างอื่น โดยที่ลูกหนี้ในแต่ละกลุ่มจะรับผิดชอบซึ่งกันและกัน ส่วนเงินกู้มีระยะเวลาทั้งสิ้น 50 สัปดาห์ กำหนดชำระคืนทุกสัปดาห์ โดยลูกหนี้ส่วนใหญ่เป็นสตรีแม่บ้านที่เป็นจุดศูนย์รวมของครอบครัวในพื้นที่ชนบททั่วไป ซึ่งเป็นจุดแข็งของระบบการบริหารจัดการไมโครไฟแนนซ์ของกลุ่มพันธมิตรใหม่ของ GL
นายมิทซึจิ กล่าวว่า อันที่จริงแล้วบริษัท BGMM สามารถที่จะขยายยอดสินเชื่อได้อย่างมาก แต่ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เนื่องจากมีข้อจำกัดในการส่งเงินออกจากประเทศศรีลังกา แต่ปัญหาดังกล่าวจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงหลังจากการเทคโอเวอร์โดย GL พร้อมอัดฉีดเม็ดเงินใหม่จำนวน 6.8 ล้านเหรียญสหรัฐในทันที เพื่อขยายสาขาจากปัจจุบันซึ่งมีอยู่ 3 สาขา (2 สาขาในกรุงย่างกุ้งและอีก 1 สาขาในเมือง BAGO) ให้ครอบคลุมอีก 12 จังหวัดในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศเมียนมาร์ โดยนายมิทซึจิคาดว่ายอดปล่อยสินเชื่อทั้งสิ้นจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น 30-40 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปีหน้าและกำไรต่อเดือนคาดว่าจะพุ่งขึ้นถึง 10 เท่า หรือเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 200,000 เหรียญสหรัฐต่อเดือน
การผนึกกำลังความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของ GL ซึ่งมีจุดเด่นทางด้านแพลตฟอร์มดิจิทัลไฟแนนซ์ ผนวกกับโมเดลการปล่อยสินเชื่อไมโครไฟแนนซ์เป็นรายกลุ่ม (Group Finance) ของกลุ่มบริษัท Commercial Credit จะสามารถสร้าง Synergy ที่ช่วยผลักดันการขยายธุรกิจของ GL ได้อย่างรวดเร็วในอนาคต
You must be logged in to post a comment Login