วันพฤหัสที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2567

ปาฏิหาริย์มีจริง

On February 26, 2021

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 26 ก.พ.-5 มี.ค. 64)

ปาฏิหาริย์คือสิ่งที่เกินกว่าความสามารถของมนุษย์ที่จะทำ สิ่งใดที่มนุษย์ทำได้ไม่ถูกเรียกว่าปาฏิหาริย์ ดังนั้น ปาฏิหาริย์จึงไม่มีในทางวิทยาศาสตร์

ปาฏิหาริย์เป็นสิ่งที่มีแต่ในศาสนาเท่านั้น เพราะปาฏิหาริย์เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากพระเจ้าผู้มีอำนาจเหนือมนุษย์ ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างพร่ำเพรื่อจากอำนาจของมนุษย์แม้จะเป็นศาสนทูตที่พระเจ้าเลือกมาให้เผยแผ่คำสอนของพระองค์ก็ตาม

ในยุคเมโสโปเตเมีย เมื่อกษัตริย์นิมรูดแสดงความโอหังตั้งตัวเป็นพระเจ้าและอ้างว่าตัวเองสามารถให้ชีวิตคนและทำให้คนตายได้ อับราฮัมได้บอกว่าพระเจ้าของเขาเป็นผู้ทำให้ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตก ด้วยความโกรธกษัตริย์นิมรูดจึงสั่งประหารอับราฮัมด้วยการเผาไฟเขาทั้งเป็น แต่อับราฮัมรอดชีวิตเพราะพระเจ้าได้ช่วยเขาไว้ นิมรูดจึงไม่สามารถทำให้อับราฮัมตายตามที่เขาอ้าง และอับราฮัมได้กลายเป็นบรรพบุรุษของศาสนาที่ศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว

ในยุคที่อียิปต์เป็นมหาอาณาจักรใหญ่ของโลก ฟาโรห์ก็อ้างตัวเป็นพระเจ้า โมเสสจึงถูกส่งให้ไปทำหน้าที่บอกฟาโรห์ว่าพระเจ้าที่แท้จริงไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นผู้ทรงสร้างจักรวาลและมนุษย์ เมื่อฟาโรห์ไม่เชื่อ พระเจ้าจึงสั่งให้โมเสสแสดงหลักฐานยืนยันอำนาจของพระเจ้าโดยการโยนไม้เท้าลงไปและไม้เท้านั้นได้กลายเป็นงูใหญ่ต่อหน้าฟาโรห์

ปาฏิหาริย์แห่งไม้เท้าที่กลายเป็นงูและปาฏิหาริย์อื่นๆมิได้เกิดขึ้นเพราะความต้องการของโมเสสเอง แต่มันเกิดขึ้นจากความต้องการของพระเจ้าผ่านทางโมเสสต่างหาก

สมัยที่อาณาจักรโรมันมีความเจริญรุ่งเรืองและเกรียงไกรทางทหาร พระเยซูได้แสดงปาฏิหาริย์หลายอย่างให้ผู้คนเห็นอำนาจของพระเจ้า เช่น การรักษาคนตาบอดให้กลับมามองเห็น รักษาคนเป็นโรคเรื้อนให้หายเพื่อเป็นการท้าทายอำนาจและความเจริญก้าวหน้าทางการแพทย์ในยุคนั้น

นบีทุกคนที่ถูกส่งมายังโลกนี้มีหน้าที่เชิญชวนมนุษย์ให้มาสู่การศรัทธาในพระเจ้าและดำเนินชีวิตตามแนวทางที่พระเจ้าประทานมา แต่นบีทุกคนเป็นมนุษย์ธรรมดา ผู้คนจึงไม่เชื่อในสัจธรรมที่นบีนำมา ด้วยเหตุนี้พระเจ้าจึงให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่านบีมาจากพระเจ้าและสิ่งที่นบีนำมาสอนเป็นสัจธรรมที่มาจากพระองค์

นบีหรือศาสนทูตที่พระเจ้าแต่งตั้งจึงได้รับปาฏิหาริย์มาพร้อมกับสัจธรรมด้วยกันทุกคน

นบีมุฮัมมัดก็ไม่ต่างไปจากนบีคนก่อนๆที่มีภารกิจเหมือนกันและได้รับปาฏิหาริย์เป็นหลักฐานยืนยันว่าท่านมาจากพระเจ้าเหมือนกัน มีหลายคนต้องการให้ท่านแสดงปาฏิหาริย์ แต่ท่านบอกว่าท่านไม่สามารถทำให้มันเกิดขึ้นได้เว้นแต่พระเจ้าจะทรงประสงค์

ความจริงแล้วมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกับนบีมุฮัมมัดนับหลายร้อยอย่าง ปาฏิหาริย์เหล่านั้นเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็จบไป แต่สำหรับนบีมุฮัมมัดยังมีสิ่งที่เป็นปาฏิหาริย์หลงเหลืออยู่อย่างหนึ่งจนถึงทุกวันนี้ นั่นคือคัมภีร์กุรอาน เพราะนบีมุฮัมมัดไม่ได้เป็นคนเขียนและคัมภีร์กุรอานไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขแม้แต่ตัวอักษรเดียวนับตั้งแต่ถูกประทานมาเมื่อประมาณ 1,500 ปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้คัมภีร์กุรอานยังมีข้อความท้าทายมนุษย์ให้เขียนขึ้นมาสักบทหนึ่งที่เหมือนกับถ้อยคำของพระเจ้า

ถ้อยคำในคัมภีร์กุรอานแต่ละวรรคจึงไม่ถูกเรียกว่าประโยค แต่จะถูกเรียกว่า “อายะฮฺ” ซึ่งมีความหมายว่า “หลักฐาน สัญญาณ สิ่งมหัศจรรย์”

แม้หลังสมัยนบีมุฮัมมัดจะไม่มีนบีหรือศาสนทูตคนใดที่มาจากพระเจ้าอีกแล้ว แต่ปาฏิหาริย์จากพระเจ้ายังมีให้มนุษย์ได้เห็นรอบตัว เช่น น้ำนมแม่ที่ไม่มีผู้หญิงคนใดสามารถทำให้เกิดขึ้นได้หากไม่ตั้งครรภ์ และนมแม่ยังเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถทำเทียมได้แม้วิทยาศาสตร์ด้านอาหารจะเจริญแล้วก็ตาม การจัดวางตำแหน่งและการทำงานของอวัยวะในร่างกายที่มนุษย์มิได้เป็นผู้กำหนดเอง เป็นต้น

การหมุนของโลกรอบตัวเองบนแกนที่เอียง 23 องศา และการโคจรรอบดวงอาทิตย์ในขณะที่มีดวงจันทร์หมุนโคจรติดตามไปด้วยนับเป็นปาฏิหาริย์จากพระเจ้าโดยตรงที่ประจักษ์ต่อสายตามนุษย์ทุกวัน

มี “อายะฮฺ” หนึ่งในคัมภีร์กุรอานกล่าวว่า “เราจะให้พวกเขาได้เห็นอายะฮฺต่างๆของเราในฟากฟ้าและอายะฮฺต่างๆในตัวของพวกเขา จนกระทั่งพวกเขารู้ชัดเจนว่ากุรอานนั้นคือสัจธรรม”

ปรากฏการณ์อันมหัศจรรย์นับไม่ถ้วนเหล่านี้เป็นปาฏิหาริย์หรือเป็นสัญญาณยืนยันการมีอยู่ของพระเจ้าผู้ทรงสร้าง ผู้ทรงจัดระเบียบ ผู้ทรงนำทาง มนุษย์มีสติปัญญาและมีเจตนารมณ์เสรีที่พระเจ้าให้มาแล้ว ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อในการมีอยู่ของพระเจ้า พระองค์ไม่ทรงบังคับ


You must be logged in to post a comment Login