วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567

ปรองดองลำบาก

On November 20, 2020

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 20 พ.ย. 63)

เรื่องปรองดอง เรื่องสามัคคีของประเทศไทย น่าจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก ลำบาก เรียกว่า หนักหนาสาหัส เพราะคนยังมีความเห็นภัยในความไม่ปรองดอง เห็นภายในการวิวาทน้อยเกินไป ถ้าความเห็นภัยในการวิวาท แตกแยกมันขึ้นถึงสุดขีดจะปรองดองง่าย แต่ถ้ามันไม่ขึ้น มันชะลอลง หรือเฉื่อย หรือเรียกว่า น้ำเชี่ยวชอบเอาเรือขวางมันจะมากกว่า หรือมือไม่พายเอาเท้าราน้ำอีก

ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี บอกว่า อย่าเพิ่งติเรือทั้งโกลน ให้เขาลองพายไปดูก่อนเผื่อมันจะถึงฝา ถึงฝั่ง หรืออย่างน้อยๆก้าวแรกให้เขยิบขึ้นมา มันก็จะทำให้ประเทศชาติสงบเร็ว เดินหน้าพัฒนาประเทศได้ดี ถ้าไม่ทำอย่างนี้ก็จะเป็นอย่างโหรหรืออย่างพวกใครต่อใครทำนายว่า ถ้าดึงดันต่อไปถึงเดือนธ.ค.ก็อาจจะจบลงโดยรัฐประหารหรือนองเลือดหรือที่เรียกว่า ไปกันคนละทาง ใครอยู่ ใครไปว่างั้นเถอะ

คนไปก็คือ คนแพ้ ต้องหนีออกนอกประเทศ คนอยู่ก็คือ ได้ชัยชนะ แต่ก็ชัยชนะบนปรักหักพักของบ้านเมืองหรือบนความล้าช้าในการพัฒนาประเทศ ซึ่งต่างฝ่ายต่างมองกันว่า ไม่มีใครจริงใจ มีแต่ยื้อ ซื้อเวลากันไป โดยไม่มีใครเอาใจใส่ว่า การวิวาทกันไปมีแต่ภัยเพิ่มขึ้น แต่ถ้าปรองดอง สามัคคีดีเมื่อไร ความปลอดภัยจะเกิดขึ้น เราไม่ชอบความปลอดภัยหรือเราจะเข้าตำราที่พูดกันว่า “ไม่เล่นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา” จะเป็นอย่างนั้นกันหรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ถือว่า เป็นเคราะห์กรรมของประเทศ

เรียกว่า กรรมของประชาชน เขาบอกเอาประชาชนเป็นใหญ่ ทางฝ่ายรัฐบาลก็บอกเขาก็เป็นใหญ่ ใหญ่ต่อใหญ่ ช้างชนช้าง เขาเรียกว่า ช้างชนกันหญ้าแพรกก็แหลกลาญ ซึ่งหญ้า คือ ประชาชน คนหาเช้ากินค่ำ บอบช้ำมาก็มากแล้ว ก็ยังจะต้องบอบช้ำต่อไป เรื่องของเรื่องก็คือ ความมีตัวตน อัตตา อีโก้ ไม่ยอมกัน ยอมไม่เป็นมันก็เย็นไม่ได้ ไม่อย่างนั้นก็ต้องรอให้มันร้อนถึงสุดขีด มันอาจจะมีความเย็นขึ้นจากหลังร้อน หรือมีฟ้าหลังฝน เมื่อเลือดท่วม เลือดเข้าตา

ถ้าจะเอาเลือดล้างตา ให้ตาหูสว่าง ตอนนี้ยังมืดมน ยังอยากจะชนกันอยู่ ไม่มีใครอยากจะลดราวาศอก เมื่อถึงขั้นแล้วก็ค่อยๆว่ากันง่ายขึ้น ต่างกับตอนช่วงนี้ยังกระเหี้ยน กระหือ ถึงจะพูดว่า อยากปรองดอง แต่ก็ปรองดองแบบดองๆกันไป ดองนี่มันบูด เน่า มันให้เสียก่อนถึงจะปรองดอง สามัคคีกันดีขึ้น ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วก็เป็นบทเรียนที่ไม่มีใครเอามาเป็นตำราแก้ความวิวาทบาดหมางได้สำเร็จ

มีแต่จะเลือดท่วมท้องช้าง น้ำตานองหน้า เรียกว่า ดับดิ้นสิ้นกันไปข้างหนึ่ง ไม่อย่างนั้นไม่มีใครรู้สึกว่า จะเป็นเหมือนทุ่งสังหารของเขมรหรือเปล่า ถ้าเป็นถึงขั้นนั้นก็น่าจะปรองดองง่าย เหมือนเขมรเขาตอนนี้เขาดีกันแล้ว เพราะเขาบอบช้ำเยอะ เรายังไม่ถึงขั้นนั้น ยังตายไม่มาก ยังไม่ถึงหมื่น ถึงล้าน ต่างฝ่ายต่างเงื้อง้าราคาแพง ยังสำแดงความรู้สึกประกาศชัยชนะกันทุกวี่ ทุกวัน เลยกลายเป็นเรื่องที่ยากต่อการที่จะจบลงด้วยการสามัคคีปรองดอง

เพราะว่า ยังช้ำไม่พอ ยังเจ็บไม่ถึงขั้นก็เลยยากที่จะพูดจากัน คุยกัน มนุษย์เราเขาบอกว่า เป็นสัตว์ที่ดีมาก มันสมองใหญ่ มีความคิดอ่านดีที่สุดกว่าสัตว์ทั้งหลาย ซึ่งสัตว์ทั้งหลายมีแต่จะหัวชนกัน ขวิดกันตะพืดจนหัวมันไม่ได้เจริญ และพระพุทธเจ้าบอกว่า การอยู่ด้วยกันแบบไม่พูดกันนั้น เป็นการอยู่ของเดรัจฉาน หรือเราจะให้อยู่แบบนั้นดี ถ้าไม่ดีก็ต้องกระตือรือร้น สามัคคีกันไวๆเถอะ

 

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login