วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567

ศาสนามาพร้อมกับมนุษย์

On November 12, 2020

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 13-20 พ.ย. 63)

ยานพาหนะเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเพื่อให้มนุษย์ได้ใช้ประโยชน์จากมัน แต่คนใช้ไม่ได้เป็นคนสร้าง ผู้ประดิษฐ์เครื่องยนต์จึงต้องเขียนคู่มือการใช้และเตรียมผู้สอนการใช้ยานพาหนะไว้ให้เพื่อผู้ใช้จะได้ใช้ยานพาหนะอย่างปลอดภัย

ชีวิตมนุษย์เป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่ได้สร้าง และการทำงานของอวัยวะในร่างกายของมนุษย์มีความละเอียดสลับซับซ้อนยิ่งกว่าเครื่องยนต์ ถ้ามนุษย์ใช้ชีวิตไม่เป็น ชีวิตของมนุษย์จะได้รับความเสียหายอย่างหนักและส่งผลเสียเป็นวงกว้าง

ชาร์ลส ดาร์วิน อ้างว่าสายพันธุ์ของชีวิตบนโลกนี้มีต้นกำเนิดมาจากโปรโตปลาสซึมที่ค่อยๆวิวัฒนาการเป็นรูปร่างและปรับสภาพไปตามสภาพแวดล้อม และมนุษย์มีวิวัฒนาการมาจากลิง

ทฤษฎีวิวัฒนาการของเขาท้าทายความเชื่อทางศาสนาเป็นอย่างมาก ดังนั้น นักการศาสนาจึงได้ท้าทายเขากลับไปว่าถ้ามนุษย์มีวิวัฒนาการมาจากลิงจะต้องมี “ช่วงต่อ” ระหว่างลิงกับมนุษย์เป็นหลักฐานยืนยัน ด้วยเหตุนี้นักวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนทฤษฎีของชาร์ลส ดาร์วิน จึงพยายามออกค้นหาหลักฐานที่เป็นช่วงต่อดังกล่าวมายืนยัน

หลังสมัยของชาร์ลส ดาร์วิน เมื่อสังคมพัฒนาไป มนุษย์ก็เริ่มทึกทักสร้างทฤษฎีขึ้นมาว่าศาสนาเป็นสิ่งที่ชนชั้นผู้ปกครองสร้างขึ้นมาครอบงำและกดขี่ขูดรีดผู้อยู่ใต้การปกครอง

ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์ยังมะงุมมะงาหราค้นหาช่วงต่อระหว่างลิงกับมนุษย์อยู่นี้ คำสอนทางศาสนาโดยเฉพาะศาสนาคริสต์กับอิสลามได้ยืนยันตรงกันว่าพระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นมา และเนื่องจากมนุษย์มีชีวิต พระเจ้าผู้สร้างมนุษย์จึงได้ประทานคู่มือและผู้สอนการใช้ชีวิตให้แก่มนุษย์ในรูปของคัมภีร์และศาสดา (นบี) มาตั้งแต่พระเจ้าส่งอาดัมและเอวาผู้เป็นบรรพบุรุษคู่แรกของมนุษยชาติ

ทฤษฎีวิวัฒนาการเกิดขึ้นหลังยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ทำให้มนุษย์คิดว่ามนุษย์มีปัญญาพอที่จะตอบปัญหาทุกอย่างได้ แต่จนทุกวันนี้ปัญญามนุษย์ที่ล้ำเลิศจนสามารถสร้างปัญญาประดิษฐ์ได้ยังหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องมนุษย์ไม่ได้

คัมภีร์กุรอานได้พูดถึงมนุษย์อย่างให้เกียรติว่ามนุษย์ไม่ใช่สัตว์ มนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาในรูปลักษณ์ที่สวยงามสมบูรณ์ มีสติปัญญาและความสามารถเพียบพร้อมสำหรับการสร้างอารยธรรม มีสถานภาพและวัตถุประสงค์ของการมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้

way to

ในคัมภีร์กุรอาน อาดัมเป็นเหมือนตัวแทนมนุษย์ คัมภีร์กุรอานกล่าวว่าพระเจ้าสร้างอาดัมมาจากดิน โดยระบุวัตถุประสงค์ของการสร้างว่าจะให้มนุษย์เป็น “ตัวแทนของพระเจ้า” บนโลกใบนี้ อาดัมมีชีวิตขึ้นมาเพราะพระเจ้าเป่าวิญญาณเข้าไปในดินที่พระเจ้าใช้สร้างอาดัม

เมื่ออาดัมมีชีวิตเป็นตัวตนขึ้นมา พระเจ้าได้สอนนามต่างๆของพระองค์และความรู้ต่างๆให้อาดัมเพื่อให้เขาทำหน้าที่เป็นตัวแทนของพระองค์ หลังจากนั้นเพื่อสอนให้อาดัมรู้ว่าการไม่เชื่อฟังคำสั่งของพระเจ้าจะมีผลอย่างไร พระองค์ได้ให้ทุกสิ่งในอาณาจักรของพระองค์ก้มกราบต่ออาดัม แต่ซาตานไม่ยอมทำตาม พระเจ้าจะลงโทษมัน แต่มันขอต่อพระเจ้าให้ประวิงเวลาการลงโทษไว้จนถึงวันสิ้นโลก เพื่อที่มันจะหลอกลวงลูกหลานของอาดัมให้พระองค์ได้เห็นว่ามนุษย์ส่วนใหญ่นั้นไม่เชื่อฟังพระองค์

พระเจ้าได้ให้อนุญาตมันหลอกลวงมนุษย์ แต่มันไม่มีอำนาจบังคับมนุษย์ให้ทำตามมัน และซาตานได้ถูกขับออกจากอาณาจักรของพระเจ้า

หลังจากนั้นพระเจ้าได้สร้างเอวาให้มาเป็นคู่ครองของอาดัม และให้ทั้งสองใช้ชีวิตอยู่ในอาณาจักรของพระองค์ที่เขาจะกินผลไม้จากต้นไม้อะไรก็ได้ ยกเว้นอย่าเข้าใกล้ต้นไม้ต้นหนึ่ง

ซาตานสบโอกาสล่อลวงอาดัมและเอวาให้เข้าใกล้ต้นไม้ต้นนี้ ทั้งสองหลงเชื่อและเข้าใกล้ต้นไม้ต้องห้ามจนเลยเถิดไปกินผลไม้จากต้นไม้ต้องห้าม เมื่ออาดัมและเอวาเชื่อฟังซาตานแทนเชื่อฟังพระเจ้า ทั้งสองจึงถูกส่งออกมาจากสวนสวรรค์บ้านเดิมของตนมายังโลกนี้ และพระเจ้าได้บอกคนทั้งสองว่าซาตานจะมาอยู่บนโลกใบนี้ในฐานะศัตรูผู้ล่อลวงเขา

ก่อนถูกส่งมายังโลกนี้ พระเจ้าได้บอกคนทั้งสองว่า “ถ้ามีทางนำจากฉันมายังเจ้า แล้วผู้ใดปฏิบัติตามทางนำของฉัน พวกเขาก็จะไม่มีความหวาดกลัวและพวกเขาจะไม่ระทม” (กุรอาน 2:38)

ทางนำดังกล่าวก็คือแนวทางดำเนินชีวิตที่คนทั่วไปมักเรียกกันว่าศาสนา มันเป็นหนทางที่ปูไว้เพื่อให้อาดัมและเอวากลับไปบ้านเดิมของตน แต่สองข้างหนทางนี้มีซาตานคอยหลอกลวง ถ้าอยากกลับบ้านเดิมที่มีความสุข ลูกหลานของอาดัมต้องเดินบนหนทางแห่งชีวิตที่พระเจ้าประทานให้

แนวทางดำเนินชีวิตจึงเป็นความเมตตาของพระเจ้า ส่วนใครจะรับความเมตตาของพระองค์หรือไม่ พระองค์ไม่บังคับ เพราะมนุษย์ได้รับสติปัญญาและเจตนารมณ์เสรีที่จะเชื่อฟังหรือไม่ก็ได้


You must be logged in to post a comment Login