วันพฤหัสที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567

การเดินทางของวิญญาณ (ตอนที่ 3)

On July 23, 2020

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 24-31 ก.ค. 2563)

เมื่อพูดถึงเรื่องวิญญาณ มุสลิมจะไม่ใช้ข้อมูลจากแหล่งใดในการอ้างอิงนอกไปจากถ้อยคำของพระเจ้าผู้สร้างชีวิตซึ่งมีอยู่ในคัมภีร์กุรอาน และคำสอนของนบีมุฮัมมัดผู้เป็นศาสนทูตของพระองค์

นบีมุฮัมมัดได้ให้ข้อมูลว่า ชีวิตในครรภ์เริ่มต้นเมื่อทูตสวรรค์นำวิญญาณมาจุติในครรภ์ของผู้หญิง หลังจากที่ตัวสเปิร์มในน้ำอสุจิของฝ่ายชายปฏิสนธิกับไข่ในครรภ์เป็นก้อนเนื้อที่มีอายุในราว 120 วัน ชีวิตที่ประกอบด้วยร่างกายและวิญญาณจึงพัฒนาในครรภ์จนครบกำหนดและคลอดออกมาเป็นตัวตน

เมื่อทูตสวรรค์เป็นผู้นำวิญญาณจากพระเจ้ามายังมนุษย์ตามคำบัญชาของพระองค์ ดังนั้น เมื่อวาระการมีชีวิตของมนุษย์คนใดในโลกนี้สิ้นสุดลง พระเจ้าก็จะให้ทูตสวรรค์ของพระองค์มาทำหน้าที่เอาวิญญาณของมนุษย์ไป

มีหลายคนสงสัยว่าในกรณีที่เกิดภัยพิบัติขนาดใหญ่ หรือในกรณีสงครามที่ทำให้มนุษย์ต้องเสียชีวิตทีละมากๆในคราวเดียวกัน ทูตสวรรค์มีมากพอที่จะนำวิญญาณมนุษย์จำนวนมากไปได้ในคราวเดียวกันหรือ?

คำตอบคือ ทูตสวรรค์มีจำนวนมากมายจนไม่อาจนับได้ เฉพาะมนุษย์แต่ละคนบนโลกใบนี้ล้วนมีทูตสวรรค์ 2 องค์ตามประกบอยู่ทุกขณะ นี่ยังไม่รวมทูตสวรรค์ที่ทำหน้าที่ควบคุมสิ่งอื่นๆที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา และเนื่องจากทูตสวรรค์ถูกสร้างด้วยแสงสว่าง ทูตสวรรค์จึงเคลื่อนที่ได้รวดเร็วเหมือนกับการเดินทางของแสง

ทุกวันนี้เรารู้แต่เพียงว่าคนตายคือร่างกายที่ไร้วิญญาณ แต่ยังไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าวิญญาณออกจากร่างของมนุษย์ไปทางไหน และคนตายก็ไม่สามารถบอกได้ การเอาวิญญาณมนุษย์กลับคืนเป็นการงานของพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของวิญญาณเท่านั้น

อย่างมากที่สุดที่เราพบข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือข้อความในคัมภีร์กุรอานที่กล่าวว่า

“เมื่อวิญญาณนั้นมาถึงคอหอยแล้ว สูเจ้าสามารถยับยั้งไว้ได้กระนั้นหรือ? และสูเจ้าก็ได้แต่เฝ้าดูเขาตายโดยที่ช่วยเหลืออะไรไม่ได้? เราอยู่ใกล้ชิดกับเขายิ่งกว่าสูเจ้าเสียอีก แต่สูเจ้ามองไม่เห็นเรา (กุรอาน 56:83-85)

แม้จะได้ข้อมูลถึงขนาดนี้ แต่ก็ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าวิญญาณที่ขึ้นมาถึงคอหอยถูกนำออกจากร่างมนุษย์ทางตา จมูก หู หรือปาก แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่มนุษย์ต้องรู้ เพราะถึงรู้ไปมนุษย์ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้

แต่ถึงกระนั้นก็ตาม นบีมุฮัมมัดได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า วิญญาณของผู้ศรัทธาในพระเจ้าและผู้ไม่ศรัทธาในพระเจ้าจะถูกนำออกจากร่างในลักษณะที่ต่างกัน ท่านกล่าวว่าทูตสวรรค์ที่มารับวิญญาณของผู้ศรัทธาจะมีใบหน้าใสสว่าง ส่วนทูตสวรรค์ที่มารับวิญญาณของผู้ปฏิเสธพระเจ้าจะมีใบหน้าดำทะมึน

deathbed

วิญญาณของผู้ศรัทธาจะถูกนำออกจากร่างเหมือนกับน้ำที่ไหลออกจากถุงหนังใส่น้ำหรือพวยกา โดยทูตสวรรค์หน้าใสสว่างจะนำผ้าที่มีกลิ่นหอมมารอรับ ส่วนวิญญาณของผู้ปฏิเสธพระเจ้าจะออกจากร่างเหมือนกับไม้หรือเหล็กเสียบเนื้อย่างถูกดึงออกมาจากปุยสำลีหรือขนสัตว์ และทูตสวรรค์ที่หน้าตาดำทะมึนจะนำผ้าที่มีกลิ่นเหม็นมารอรับ

เมื่อวิญญาณออกจากร่างแล้ว ทูตสวรรค์จะนำวิญญาณผ่านชั้นฟ้าต่างๆขึ้นไป วิญญาณของผู้ศรัทธาและผู้ปฏิเสธพระเจ้าจะได้รับการทักทายจากทูตสวรรค์ในชั้นฟ้าในลักษณะที่ต่างกัน เมื่อวิญญาณถูกนำไปรายงานตัวในชั้นฟ้าสูงสุดแล้ว วิญญาณจะถูกนำกลับมายังโลกอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อมาถึงโลกนี้ วิญญาณจะได้เห็นการอาบน้ำร่างที่ไร้วิญญาณและการจัดการศพของตน เนื่องจากวิญญาณมีความละอายเป็นธรรมชาติดั้งเดิม ด้วยเหตุนี้ในการปฏิบัติของอิสลาม การอาบน้ำศพทั้งของคนดีและคนชั่วจะต้องทำอย่างปกปิดมิดชิด และห้ามคนอาบน้ำศพนำข้อตำหนิหรือข้อบกพร่องของศพไปเปิดเผย

หลังจากร่างของผู้ตายถูกนำไปฝังแล้ว วิญญาณจะก้าวข้ามไปสู่โลกใหม่ที่เขาจะได้เห็นผลที่ตามมาจากการยอมรับหรือปฏิเสธสัจธรรมซึ่งแตกต่างกัน ส่วนวิญญาณของแต่ละคนจะได้พบกับสิ่งใดนั้นขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตของแต่ละคนก่อนวิญญาณออกจากร่าง


You must be logged in to post a comment Login