วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2567

นายกฯยันรัฐบาลให้ความสำคัญแก้ปัญหาฝุ่น วอนทุกคนต้องช่วยกัน

On January 14, 2020

วันนี้ (14 ม.ค. 2563) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยก่อนการประชุม นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการ ก.พ.ร. รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) และคณะผู้บริหาร เข้าพบนายกฯเพื่อนำเสนอผลงานการพัฒนาระบบบริหารจัดการปัญหาฝุ่นควันและแอปพลิเคชั่น AirCMI ที่ได้มีการนำร่องในพื้นที่ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ โดยเป็นการบูรณาการข้อมูลร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ขณะที่นายกฯกล่าวว่า มีหลายกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ ต้องดูว่าใครเสี่ยงมากเสี่ยงน้อย โดยเฉพาะเด็กๆที่มีภูมิต้านทานน้อยกว่าผู้ใหญ่ ส่วนตนมีภูมิต้านทานพอสมควร เพราะอยู่ในสภาพแวดล้อมนี้มานานแล้ว เราต้องช่วยกันแก้ไขแบบครบวงจร โดยมีหลายคนที่เกี่ยวข้อง คงไม่ใช่รัฐบาลเพียงอย่างเดียว ซึ่งรัฐบาลมีมาตรการออกไปเยอะแยะ ต้องช่วยกัน อย่างประชาชนสวมใส่หน้ากากกันฝุ่น

นายกฯกล่าวว่า ทุกประเทศมีการจราจรที่หนาแน่น มีการเผาวัชพืชทางการเกษตร ปัญหาเหล่านี้เราต้องแก้ไข รวมถึงประเทศรอบบ้านที่มีการเผาเราก็ต้องเจรจากับเขา เราต้องช่วยกันเปลี่ยนผ่าน รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ จัดหาเครื่องวัดโดยให้งบประมาณลงไป ไม่อยากให้ทุกคนตื่นตระหนก มีทั้งการป้องกันและการแก้ไข ถ้าเราร่วมมือกัน มาตรการแบบบูรณาการ งบประมาณต้องมีการบูรณาการ ต้องมีงบให้ทั่วถึง หากลงพื้นที่อย่างที่เคยทำมา ตนไม่ได้ว่าผิดหรือถูก แต่วันนี้ต้องลงทุกพื้นที่ให้ได้ มากน้อยตามศักยภาพและปัญหา

นายกฯกล่าวอีกว่า ประโคมข่าวแค่ค่าฝุ่น แต่ไม่ประโคมว่าจะแก้อย่างไร เราต้องป้องกันตัวเอง เช่น ใส่หน้ากากจะช่วยลดได้พอสมควร หากค่าฝุ่นสูงแต่ทุกคนไม่ทำอะไรเลยจะได้หรือไม่ ต้องเข้าใจสิ่งเหล่านี้ ท่านเอาตรงนี้มาทั้งหมดแล้วบอกว่าแก้ปัญหาไม่ได้ เสี่ยงอันตราย อย่าไปเที่ยวงาน แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ตนไม่เคยปิดบัง ขอให้ทุกคนช่วยกัน โดยเฉพาะลดปริมาณการใช้รถ เพราะไปห้ามคนใช้รถได้หรือไม่ ห้ามทำอุตสาหกรรม ห้ามเกษตรกรเผาได้หรือไม่ ท่านต้องไปบอกให้เขาเข้าใจ แล้วตนทำให้ได้หมด

“อย่ามาโจมตีกันในเรื่องที่ไม่สร้างสรรค์ว่าทำอะไรไม่ได้สักอย่าง แก้ไม่ได้ ให้เข้าใจว่ารัฐบาลก็มีหน้าที่ ประชาชนก็มีหน้าที่ ทุกภาคส่วนก็มีหน้าที่ ถ้าไม่ช่วยกันบูรณาการเท่าไรก็ไม่สำเร็จ ก็ขอให้เป็นการติเพื่อก่อ ข้อเสนอแนะที่มีหลักการและมีเหตุผลพอสมควร ไม่ใช่ไอ้นี่ก็เสีย ไอ้นี่ก็ไม่ดี วิธีการเขาก็บอกจะช่วยกันอย่างไร แต่หลายคนไม่สนใจ กลับมาทิ่มแทงรัฐบาล เจ้าหน้าที่รัฐ”

จากนั้นนายกฯได้เยี่ยมชมรถตรวจคุณภาพอากาศในบรรยากาศแบบเคลื่อนที่ พร้อมกล่าวว่า เป็นเครื่องมือวัดค่าฝุ่น PM 2.5 ที่ได้มาตรฐาน เที่ยงตรงสูงสุด นี่คือการบูรณาการ เอาทุกปัญหาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เอาสาเหตุมาดูว่าจะแก้ไขอย่างไร วันนี้สัดส่วนการระบายฝุ่น PM 2.5 ใน กทม. พบการขนส่งทางถนน 72.5% ซึ่งเป็นรถทั้งนั้น โดยเป็นรถบรรทุก 28% รถปิกอัพ 21% รถบัส 7% รถยนต์ 10% รถมอเตอร์ไซค์ 5% รถตู้ 1.5% และอื่นๆ 2.5% อาทิ การเผาในที่โล่ง 5% ในครัวเรือน 2% อุตสาหกรรม 17% ส่วนเรื่องอื่นๆทั่วไปที่ไม่ใช่บนท้องถนนประมาณ 1%

นายกฯกล่าวว่า กลุ่มใหญ่บนท้องถนนต้องแก้กันตรงนี้ จะช่วยกันอย่างไร เจ้าของรถในส่วนของรัฐและของประชาชนช่วยกันทั้งหมดที่พบว่าปัญหาเกิดจากรถปล่อยควันดำมากที่สุด เราถึงต้องมีการปรับในเรื่องของขนส่งมวลชนอย่างโครงการรถไฟฟ้าขึ้นมา สถานการณ์ค่าฝุ่นปีนี้ถือว่าดีกว่าปีที่ผ่านมา รัฐบาลให้ความสนใจ มีการส่งเสริมใช้น้ำมันดีเซล บี 10 และยังช่วยแก้ราคาปาล์มตกต่ำได้ด้วย นี่คือสิ่งที่รัฐบาลนี้ทำ แล้วบอกว่ารัฐบาลไม่มีผลงาน ตนไม่เข้าใจ มันไม่ได้มีแค่วันนี้ แต่มีนานแล้ว แก้ไปเรื่อยๆ บ้านเมืองมันเจริญขึ้น คนมากขึ้น รถมากขึ้น ก็ธรรมดาที่มีปัญหา เราก็ต้องช่วยกันแก้ ถ้าช่วยกันติอย่างเดียวแล้วไม่ร่วมมือมันจะทำอะไรได้


You must be logged in to post a comment Login